การค้นหาแบบครอบคลุมทั้งหมดยังไม่ได้เปิดใช้งาน
ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Blog entry by Anuntapong Chuen-im

ทำอย่างไรเมื่อลูกน้อยไม่ยอมกิน “ผัก”

ทำอย่างไรเมื่อลูกน้อยไม่ยอมกิน “ผัก”

ผู้ใหญ่ หรือคนเป็นพ่อ เป็นแม่อย่างเรา ๆ นั้น ต่างรู้กันดีว่า “ผัก” ไม่ว่าจะสีเขียว สีเหลือง สีส้ม หรือสีไหน ๆ นั้นถือเป็นหนึ่งในอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีความสำคัญ และจำเป็นต่อการทำงานของร่างกายอย่างมาก โดยการกินผักอย่างสม่ำเสมอนั้นจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เราไม่เจ็บป่วยบ่อย ๆ นอกจากนี้ผักก็ยังอัดแน่นด้วยใยอาหารที่ช่วยร่างกายกำจัดสิ่งหมักหมมในลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ ลดอาการท้องผูก รวมถึงมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาล ระดับไขมันในเลือดและช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้อีกด้วย เรียกได้ว่าประโยชน์มากมายนับไม่ถ้วนเลยแหละ

 

ทั้งนี้ถึงแม้ผักนั้นจะมีความสำคัญมากเพียงใด การจะให้ลูกเล็กเด็กแดงนั้น “เต็มใจ” ที่จะเอาอาหารประเภทนี้เข้าปากก็มักจะเป็น “งานหิน” อันดับต้น ๆ ของผู้ปกครองแทบจะทุกบ้านเลยทีเดียวเชียว ก็เพราะโดยส่วนมากแล้ว ผักที่มีประโยชน์ทั้งหลายก็จะมาพร้อมรสชาติที่ “ไม่อร่อย” เอาเสียเลย นั่นจึงทำให้ลูกน้อยของเราเบือนหน้าหนีแทบทุกครั้งที่เห็นผักใบเขียวเหล่านี้บนโต๊ะอาหารนั่นเอง

 

อย่างไรก็ตาม การทำให้ลูกกินผักนั้นจะเป็นเรื่องยากก็จริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ใช่ไหมล่ะ? ดังนั้นวันนี้มูล่าจึงจะขออาสามานำเสนอเทคนิคสุดเฉียบ ที่จะช่วยให้ผู้ปกครองอย่างเรา ๆ สามารถรับมือกับปัญหาเวลาลูกน้อยไม่ยอมกินผัก ได้อย่างไม่ยากเย็นเลย

 

จะมีวิธีการอะไรบ้างนั้น ไปดูกันได้เลย!

 

เทคนิคที่ 1 : การบังคับไม่ใช่ทางออก

การที่มูล่าเลือกเทคนิคนี้นี้ขึ้นมาเป็นข้อแรกนั้นก็เพราะว่า “การบังคับ” นั้นถือเป็นวิธีการที่ผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ มักจะ “เผลอ” หยิบยกขึ้นมาใช้เวลาที่เราไม่สามารถแก้ไขปัญหาการกินผักของลูกได้นั่นเอง และถึงแม้มันจะได้ผล “ในระยะสั้น” ก็เถอะ เพราะเมื่อเราบังคับแล้ว ลูกน้อยก็ต้องทำตาม และเอาผักเข้าปากในทันทีเลยใช่ไหม แต่สำหรับระยะยาวแล้วล่ะก็ การบังคับนั้นจะส่งผลร้ายต่อการกินผักของลูกน้อยเอามาก ๆ เนื่องจากสิ่งที่มาพร้อมกับการบังคับ ก็คือ “ความไม่เต็มใจ” ยังไงล่ะ ซึ่งเจ้าความรู้สึกเหล่านี้มีแต่จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น และเพิ่มยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามจำนวนครั้งที่เรานั้นบังคับให้ลูก ๆ กินผัก จากที่ลูกของเราอาจจะมีโอกาสชอบผักขึ้นมาบ้างถ้าเขาเต็มใจที่จะกินมัน แต่พอโดนสั่งมาก ๆ เข้า ท้ายที่สุดเจ้าตัวน้อยของเราก็จะ “เกลียด” อาหารประเภทนี้ไปโดยปริยาย แม้จะโตเพียงใดก็ไม่คิดที่จะกินมันอยู่ดี

 

ดังนั้นหากเราอยากให้ลูกน้อยหันมาชอบกินผักแล้วล่ะก็ การใช้คำพูดที่นุ่มนวล ชักชวน แม้จะต้องใช้เวลานานสักหน่อย แต่มูล่าขอการันตีเลยว่ามันจะส่งผลดีในระยะยาวอย่างแน่นอน และถึงแม้เขาอาจจะมีการเขี่ยผักที่เหลือออกจากจาน หรือคายทิ้งบ้างก็เถอะ นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพราะอย่างน้อยตัวเขานั้นก็ “เปิดใจ” ที่จะลองกินมันด้วยตัวเอง ซึ่งดีกว่าการกินเพราะถูกกดดันเป็นไหน ๆ เลย

 

เทคนิคที่ 2 : เลิกพูดถึง “ประโยชน์” ของผัก เสียที

แม้ผักจะมีประโยชน์มากมายหลากหลายอย่างก็จริง แต่ทว่าเรื่องเหล่านี้นั้นแทบจะ “ไม่มีความสำคัญ” ในสายตาของเด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กวัยเล็ก ๆ เลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเด็กในวัยนี้นั้นเป็นวัยที่มีอะไรที่ต้องเรียกรู้มากมายเต็มไปหมด ไอ้นั่นก็ดี ไอ้นี่ก็น่าสนใจ ดังนั้นการเล่นสนุก หรือการได้ทำสิ่งที่ชอบ ก็จะสามารถสร้างความสุข และน่าสนใจกว่าการกล้ำกลืนฝืนทนกินผักใบเขียวอย่างแน่นอน

 

เหตุผลข้างต้นนี้เองที่ทำให้การเอาแต่เน้นย้ำถึงประโยชน์อันมหาศาลของผักก็จะกลายเป็น “เรื่องน่าเบื่อ” สำหรับวัยอยากรู้อยากเห็นวัยนี้ไปโดยปริยาย ซึ่งพอเขารู้สึกเบื่อ หรือไม่ชอบ มันก็จะยิ่งทำให้ “ความอยากกินผัก” ของเขาลดน้อยลงตามไปด้วยเช่นเดียวกัน

 

ฉะนั้นแล้วสิ่งที่ผู้ใหญ่อย่างเราควรทำก็คือการ “สร้างแรงจูงใจ” และทำให้เขารู้สึกสนุก หรือชอบกับการกินผัก แทนที่จะมาพูดถึงเรื่องเข้าใจยาก ๆ อย่างประโยชน์ของผักยังไงล่ะ

 

เทคนิคที่ 3 : รสชาติเป็นเรื่องสำคัญ

เทคนิคข้อนี้ก็จะสืบเนื่องมาจากเหตุผลที่มูล่าอธิบายไว้ในข้อที่แล้วที่ว่าเด็ก ๆ นั้นอยู่ในช่วงวัยที่เน้น “ความรู้สึก” มากกว่าเหตุ และผล นั่นจึงทำให้แรงจูงใจที่ดีที่สุดที่จะทำให้ลูก ๆ ของเรา “อยากกินผัก” ก็คือกินมันแล้วรู้สึกว่า “มันอร่อย” นั่นเอง เพราะโดยส่วนมากเด็กหลาย ๆ คนนั้นต่างก็ลองกินผักมากันแล้วทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ทำให้เขานั้นไม่ยอมกินต่อนั่นก็คือกลิ่นเหม็นเขียว รสขม ๆ ซึ่งก่อให้เกิดความรู้สึกว่ามัน “ไม่อร่อย” จนกลายเป็นเรื่องฝังใจ และทำให้ไม่ชอบกินผักไปโดยปริยาย

 

ดังนั้นคุณพ่อ คุณแม่ยุคใหม่อย่างเรา ๆ ต้องใช้รสชาติ เอาชนะใจลูกน้อยในการกินผัก โดยเริ่มต้นตั้งแต่การคัดสรรผักที่มีสีสันสดใส ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว ไม่มีรสขมปน ยกตัวอย่างเช่น ผักสีส้ม สีเหลือง อย่างข้าวโพด แครอท ฟักทอง เพื่อทำให้เจ้าตัวเล็กรู้สึกว่า ผักนั้นกินไม่ยาก แถมยังอร่อยกว่าที่คิดอีกด้วย

 

ทั้งนี้ นอกเหนือจากการเลือกชนิดของผักแล้ว การทำให้ผักเป็นรูปร่างต่าง ๆ แลดูน่ารักน่ากินแล้วเอาไปชุบแป้งทอดก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยทำให้เด็ก ๆ รู้สึกอยากลิ้มลอง และรู้สึกว่าผักอร่อยได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

เทคนิคที่ 4 : เริ่มจากผักชิ้นเล็ก ๆ ก่อน

การที่ผักนั้นมีชิ้นใหญ่จนเกินไป ก็ถือเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่ทำให้ลูกน้อยไม่ชอบกินผัก เนื่องจากพอผักมันชิ้นใหญ่มาก ๆ เข้า มันก็จะทั้งเคี้ยวยาก แถมยังขมมากกว่าผักที่มีขนาดเล็กอีกด้วย ดังนั้นผู้ปกครองอย่างเรา ๆ จึงควรหันมาหั่นผักของลูกให้เป็นชิ้นพอดีคำนั่นเอง ซึ่งการที่ผักมีชิ้นเล็กนั้น นอกจากจะทานง่ายแล้ว ยังช่วยให้เด็ก ๆ ทานได้มากขึ้นอีกด้วยเพราะไม่ต้องมานั่งทานผักเคี้ยวนาน ๆ ให้เมื่อยปากนั่นเอง

 

ในทำนองเดียวกัน เราก็สามารถเปลี่ยนจากการหั่นผักเล็กชิ้น ๆ ลงในเมนูโปรดของลูก มาใช้วิธีการปั่น หรือ บดผักให้เล็กเข้าไปอีกก็เข้าท่าไม่น้อยเลยแหละ ทั้งนี้พอชิ้นของพวกมันเล็กเข้ามาก ๆ ก็จะช่วยทำให้ลูกน้อยกินผักได้แบบไม่รู้สึกฝืนใจได้นั่นเอง เด็ก ๆ บางคนอาจจะไม่ทันสังเกตเลยด้วยซ้ำว่าในจานข้าวของเขานั้นมีผักอยู่

 

เทคนิคที่ 5 : แต่ละช่วงวัย ก็มีผักที่เหมาะสมไม่เหมือนกัน

เด็กในแต่ละช่วงวัยนั้นก็จะมีลักษณะทางกายภาพไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นช่วง 1-3 ปีแรก ลูกน้อยของเราก็อาจจะยังมีฟันที่ไม่แข็งแรงนัก แถมต่อมรับรสก็ยังพัฒนาไม่ค่อยเต็มที่ ดังนั้นการจะให้กินผักที่แข็ง ๆ และขม ๆ คงไม่ใช่เรื่องดีกับลูกของเราอย่างแน่นอน ฉะนั้นสำหรับวัยนี้แล้ว พ่อแม่อย่างเรา ๆ ก็ควรเริ่มให้เขาหัดกินผักที่นิ่ม ๆ ก่อน เช่น ฟักทอง ตำลึง แครอท แถมยังต้องต้มเปื่อยสุด ๆ จะได้ลำบากต่อการกินนั่นเอง

 

ในทำนองเดียวกัน พอลูกของเราโตขึ้นมาอีกนิด และก้าวเข้าสู่วัยประถม ฟันของเขาก็จะเริ่มมีความแข็งแรงขึ้น ซึ่งทำให้กินอาหาร รวมถึงผักได้มากมายหลายประเภทขึ้น ดังนั้นนี่จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่เราจะเริ่มให้ลูกหัดกินผักในแบบอื่น ๆ บ้าง

 

เทคนิคที่ 6 : เราก็เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกได้

การที่เราทั้งหลายคอยคะยั้นคะยอให้ลูกกินผักแต่ตัวเราเองกลับยังเลือกทานผักหรือไม่ทานผักเลยให้ลูกเห็นนั้น จะทำให้ลูกมีความรู้สึกได้ว่าผักนั้นต้องไม่อร่อยแน่นอน เพราะขนาดผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ยังไม่กินเลย ดังนั้นหากอยากให้ลูกทานผักเก่ง ๆ แล้วล่ะก็ เราเองก็ต้องกินผักเป็นเพื่อนลูกจะดีกว่ามากเลย

 

เป็นยังไงกันบ้าง เพื่อน ๆ คงเห็นกันแล้วล่ะสิ ว่าการจะทำให้ลูกน้อยชอบกินผักนั้นไม่ได้ยาก และซับซ้อนอย่างที่เราคิดเลย เพียงแค่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อน และความเอาใจใส่สักเล็กน้อย ซึ่งมูล่ารับประกันได้เลยว่า ถ้าเพื่อน ๆ เอาเทคนิคของมูล่าไปใช้อย่างสม่ำเสมอแล้วล่ะก็... เจ้าตัวเล็กหันมาชอบกินผักได้อย่างแน่นอน!

 

บทความ: MULA Learning

รูปประกอบ: MULA Learning

 

  • แชร์