
14
Augustควบคุมอาหารแบบ IF คืออะไร ทำอย่างไรให้ได้ผลและปลอดภัย
หนึ่งในองค์ประกอบของการมีสุขภาพที่ดีคือการดูแลน้ำหนักให้สมส่วน ไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไป เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะกำลังประสบปัญหาน้ำหนักเกิน และมีความกังวลใจอยู่ เพราะรู้ว่าการมีน้ำหนักเกินเท่ากับการเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน หรือโรคเรื้อรังอื่น ๆ แล้วจะทำอย่างไรกันดี เพื่อควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
หลาย ๆ คนคงนึกถึงการควบคุมอาหารกันแน่ และเทรนด์การควบคุมอาหารที่กำลังมาแรงในตอนนี้ก็คือ การทำ IF นั่นเอง แต่เพื่อน ๆ รู้หรือไม่ว่ามีหลักการอย่างไร และเราควรทำอย่างไรให้การควบคุมอาหารแบบ IF เกิดผลลัพธ์ตามที่ต้องการ วันนี้มูลาขอาสาบอกเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อน ๆ ผู้รักสุขภาพกันนะ
IF คืออะไร
IF หรือชื่อเต็มว่า Intermittent Fasting เป็นการควบคุมอาหารรูปแบบนึงที่ไม่ได้เจาะจงการเลือกชนิดอาหาร หรือรูปแบบการกินใดเป็นพิเศษ แต่เจาะจงช่วงเวลาที่เราจะสามารถรับประทานอาหารได้ในแต่ละวัน เช่น ภายใน 24 ชั่วโมง จะทานอาหารภายในระยะเวลา 8 ชั่วโมง และอีก 16 ชั่วโมงที่เหลือจะไม่รับประทานอะไรเพิ่มอีก ซึ่งรูปแบบที่ว่าเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
ถ้าเป็นสายแข็งขึ้นมาหน่อย อาจจะเลือกทาน 5 ชั่วโมงใน 1 วัน หรือบางคนเลือกไม่ทานเลย 1 วันเต็ม ๆ ต่อสัปดาห์
IF ทำงานอย่างไร
หลักการของ IF คือเมื่อเราทานอาหารในช่วงระยะเวลาที่จำกัด หากร่างกายต้องการใช้พลังงานในชั่วเวลาที่เราอด ร่างกายจะเผาผลาญพลังงานน้ำตาลและไขมันที่สะสมอยู่มาใช้แทน จึงเป็นการเร่งให้ร่างกายได้เอาพลังงานที่สะสมอยู่ออกมาใช้บ้างนั่นเอง แตกต่างจากการที่เราทานครบทุกมื้อที่ร่างกายจะเอาพลังงานจากอาหารที่เราทานไปใช้นั่นเอง
IF แบบไหนที่ไม่เวิร์ค
แบบนี้ IF ก็ดูเป็นทางเลือกที่ดีมาก ๆ เลยสำหรับคนที่อยากเอาไขมันสะสมในร่างกายมาใช้งาน เพราะดูเหมือนว่าไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม นพ. ปกรณ์ ฮูเซ็น โรงพยาบาลสมิติเวช ได้ให้ข้อมูลว่า ความจริงการทำ IF ไม่ได้ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เราต้องการเสมอ โดยมีสิ่งที่ทำให้การทำ IF ไม่เวิร์คดังนี้
- ทานมากเกินไป : ข้อนี้ผิดหลักการของการควบคุมน้ำหนักอย่างมาก การที่เราจำกัดเวลาการทานอาหารอย่างเดียว ไม่ได้ช่วยให้น้ำหนักลดลงได้เสมอไป จำเป็นต้องเลือกทานอาหารในปริมาณที่พอเหมาะอีกด้วย ถ้าจะให้ดี ควรลดปริมาณอาหารลง แต่ต้องแน่ใจว่า อาหารที่ทานเข้าไปมีประโยชน์ครบถ้วน ครบ 5 หมู่และมีสารอาหารที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับในแต่ละวัน
- อดมากเกินไป : ถ้าอยากเอาพลังงานที่สะสมมาใช้ให้ได้มากที่สุด งั้นก็ต้องอดให้ได้นานที่สุดใช่หรือไม่ ข้อนี้อาจจะไม่ถูกเสียทีเดียว ในทางตรงกันข้ามเมื่อร่างกายขาดสารอาหารมากเกินไป ร่างกายจะเข้าสู่สภาวะจำศีล และกักเก็บไขมันไว้มากกว่าเดิมเสียอีก
- ไม่ออกกำลังกาย : คุณหมอให้ข้อมูลว่าหากจะควบคุมน้ำหนักได้อย่างยั่งยืน ไม่โยโย่ เราควรออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายได้สร้างระบบเผาผลาญที่ดีขึ้นนั่นเอง
- นอนดึก : รู้หรือไม่ว่า การนอนดึกทำให้การซ่อมแซมร่างกายรวน หรือการหลั่งฮอร์โมนที่จำเป็นไม่เป็นตามปกติ ทำให้คนนอกดึก หิวง่าย อยากทานของหวานหรือของจุกจิกระหว่างวัน และนี่จึงเป็นอีกหนึ่งตัวการที่ทำให้การควบคุมน้ำหนักแบบ IF ไม่ได้ผล
IF ไม่เหมาะกับใคร
แน่นอนว่าการควบคุมอาหารแบบ IF ไม่ได้เหมาะสำหรับคนทุกคน เพราะร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้องการพลังงานหรือสารอาหารไม่เท่ากัน และไม่เหมือนกัน
มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปส์กิน ที่สหรัฐอเมริกา ให้ข้อมูลว่า คนที่มีเข้าข่ายตามนี้ไม่ควรทำ IF ด้วยประการทั้งปวง
- เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
- หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงของการให้นมบุตร
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิด 1 ที่ต้องรับอินซูลิน
- ผู้ป่วยที่มีประวัติกับโรคความอยากอาหารผิดปกติ (Eating disorder)
ถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนสุขภาพดี แต่ทางที่ดีก่อนเริ่มทำ IF เพื่อน ๆ ควรปรึกษาแพทย์เสียก่อน เพราะจะได้มั่นใจหายห่วง ว่าเราไม่โทรมหรือทรุดลงหลังจากทำ IF และหากจะเริ่ม ควรเริ่มอดอาหารแบบไม่หนักหน่วงจนเกินไป จำกัดชั่วโมงการทานอาหารแบบค่อยเป็นค่อยไปนั่นเอง
หวังว่าเพื่อน ๆ จะเข้าใจหลักการของการควบคุมอาหารแบบ IF และนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องกันนะ มูลาขอเป็นกำลังใจให้เพื่อน ๆ มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง
แล้วมาพบกับบทความดี ๆ จากมูลา ตอนต่อไปได้เลย
ที่มา :
บทความ: MULA Learning
รูปประกอบ: MULA Learning