การค้นหาแบบครอบคลุมทั้งหมดยังไม่ได้เปิดใช้งาน
ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Blog entry by Anuntapong Chuen-im

วิธีแก้ปัญหาลูกติดโทรศัพท์มือถือ – แท็บเล็ต ได้อย่างแยบยล

วิธีแก้ปัญหาลูกติดโทรศัพท์มือถือ – แท็บเล็ต ได้อย่างแยบยล

ใคร ๆ ในยุคนี้ก็มีมือถือ หรือแท็บเล็ตกันอย่างน้อยคนละเครื่องอยู่แล้ว ไม่ว่าจะผู้ใหญ่วัยทำงาน หรือแม้กระทั่งเด็กน้อย ที่ตอนนี้อาจจะต้องใช้อุปกรณ์เหล่านี้เพื่อการเรียนออนไลน์

พอเหตุการณ์เป็นแบบนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะกังวลใจว่า ลูกของเราจะใช้เวลาไปกับมือถือหรือแท็ปเล็ตมากเกินไปหรือไม่ ถ้าใช้มากเกินไปจนติดงอมแงมก็ย่อมส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางร่างกาย จิตใจหรือพฤติกรรมเลยก็ได้

 

ดังนั้น เพื่อช่วยให้เพื่อน ๆ ป้องกันไม่ให้เหล่าแก้วตาดวงใจตัวน้อยได้รับผลเสียจากอุปกรณ์มากประโยชน์เหล่านี้ มูลาจึงได้รวบรวมกลวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยป้องกัน และแก้ปัญหาลูกติดโทรศัพท์มือถือ – แท็บเล็ต ได้อย่างแยบยล

 

ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!

 

  1. กระตุ้นให้ลูกขยับตัวบ่อย ๆ
    หนึ่งในสาเหตุที่ลูกๆ ของเรานั้นติดกับมือถือหนึบเป็นตังเมนั้นก็เพราะว่าในช่วงวัยเด็กนั้นพวกเขาจะมีทั้งพลังงาน และความอยากรู้อยากเห็นสูงเอามาก ๆ ซึ่งโทรศัพท์มือถือก็ตอบโจทย์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะเราสามารถโลดแล่นไปในโลกเสมือนจริงได้อย่างไม่รู้จบ และหมดพลังงานไปกับมันได้อย่างมหาศาล

    อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองอย่างเรา ๆ จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ และเราต้องทำหน้าที่ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูก ๆ ของเรานั้นมีการแบ่งเวลาจากหน้าจอ และเอาพลังงานอันล้นเหลือของเขาออกมาใช้ในกิจกรรมอื่นๆที่ได้ใช้แรงกาย และสร้างความกระตือรือร้นอยู่เป็นประจำด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากทั้งต่อพัฒนาการของร่างกายของลูก ๆ เพราะการทำกิจกรรมที่ใช้แรงนั้นจะเสริมสร้างความแข็งแรง และยังช่วยส่งเสริมอุปนิสัยที่ดีได้อีกด้วย

 

ลองให้ลูก ๆ ของเราใช้พลังงานอันล้นเหลือในการทำกิจกรรมอื่น ๆ แทนสิ ให้เขาได้ออกกำลัง สร้างกล้ามเนื้อ ฝึกความกระตือรือร้น ไม่ว่าจำเป็น การเล่นฮูลาฮูป เต้นตามเพลงที่ชอบ และชวนเล่นกีฬาที่เด็ก ๆ ถนัด หากไม่มีเวลา อย่างน้อยระหว่างการใช้มือถือเป็นระยะเวลานาน ก็อาจจะตั้งเป้าให้ลูก ๆ ออกมากระโดดตบ 10 ครั้ง ทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง หลังจากเล่นหน้าจอ หรือต้องวิ่ง 10 นาทีในทุก ๆ ชั่วโมงที่เล่นมือถือ ก็เป็นเรื่องที่ดีกว่าการที่จะเราปล่อยให้ลูก ๆ นั่งนิ่ง ๆ อยู่กับจอเป็นระยะเวลานาน ๆ

 

 

  1. ต้องสอนให้ลูกรู้จักจัดลำดับความสำคัญ
    การติดมือถือมากเกินไปนอกจากจะส่งผลร้ายร่างกายหรือจิตใจแล้ว หากเด็กๆ ไม่เรียนรู้ที่จะจัดลำดับความสำคัญ บางครั้งก็อาจจะส่งผลให้ลูกของเราละเลยหน้าที่หรือความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นทำการบ้าน อ่านหนังสือ ทบทวนบทเรียน หรือทำงานบ้าน

    ดังนั้นผู้ปกครองอย่างเรา ๆ  ควรสอนให้เด็ก ๆ รู้ข้อดีของการทำตามหน้าที่ และข้อเสียของการเล่นจนเกินควร และควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขาทำสิ่งเหล่านั้นได้อย่างลุล่วงก่อนแล้ว จึงค่อยอนุญาตให้เล่นมือถือได้อย่างอิสระนั่นเอง การทำแบบนี้นอกจากจะช่วยลดระยะเวลาในการเล่นมือถือของลูกน้อยแล้ว ยังทำให้เขามีการพัฒนาการด้านอื่น ๆ อย่างที่ควรจะเป็นได้อีกด้วยนะ หากเด็ก ๆ สามารถจัดลำดับความสำคัญได้ล่ะก็ พ่อแม่อย่าลืมกล่าวชื่นชมหรือให้รางวัลพิเศษด้วยนะ

 

  1. เปลี่ยนการเล่นมือถือก่อนนอนเป็นกิจกรรมสนุก ๆ ก่อนนอน
    โดยปกติแล้ว ภาพที่เราเห็นกันจนชินตาจากเหล่าเด็ก ๆ ที่ติดมือถือ ก็คือการที่ลูกน้อยของเรามักจะเล่นมือถือก่อนนอนจนเผลอหลับไป ไม่ดีเอามากๆ เพราะการเล่นมือถือก่อนการนอนยังเป็นการรบกวนการนอนอย่างร้ายแรง โดยแสงไฟจากหน้าจอมือถือนั้นสว่างมาก ทำให้เราเกิดความตื่นตัวและจะนำมาซึ่งปัญหาด้านการนอนหลับไม่สนิทนั่นเอง และหากสะสมมากๆ อาจจะทำให้ลูกน้อยมีปัญหาทางสายตาในอนาคตได้ ถ้าจะให้ดี อยากให้เด็ก ๆ งดใช้มือถือหรือแท็บเล็ตอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเข้านนอน เงื่อนไขที่พ่อแม่ให้เด็ก ๆ ในการงดเล่นมือถือก่อนนอน ก็อาจจะเป็นการแลกมาด้วยการเล่านิทานสนุก ๆ เล่นของเล่นชิ้นโปรดแทนก็ได้ จะทำให้เด็ก ๆ ทราบว่า เขาสามารถทำกิจกรรมก่อนนอนสนุก ๆ ได้โดยที่ไม่พึ่งหน้าจอสีฟ้าใด ๆ เลย

 

  1. มีความยืดหยุ่น
    อย่างที่บอกกันไป เราอยากสอนให้เด็ก ๆ งดการใช้มือถือหรือแท็ปเล็ตที่ไม่จำเป็นด้วยวิธีการที่แยบยล เพราะฉะนั้นการห้ามตรง ๆ แรง ๆ หรือไม่ผ่อนปรนกับลูก ๆ เลย จะทำให้ลูกไม่เข้าใจ ไม่พอใจ โกรธ และท้ายที่สุดการห้ามก็อาจจะไม่ได้ผลอะไรเลย นอกจากความความขัดแย้งระหว่างลูกกับพ่อแม่อย่างเรา ๆ ดังนั้นพ่อแม่ทั้งหลายจึงควรรู้จักมีความยืดหยุ่น และให้รางวัลกับลูกน้อยบ้าง ยกตัวอย่างเช่น หากเจ้าตัวเล็กประพฤติตัวดีมาตลอดทั้งช่วงสัปดาห์ ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำการบ้าน ไม่ทะเลาะกับพี่น้อง หรือแม้แต่เชื่อฟังเราเวลาเราอยากให้เขาปิดมือถือ เขาก็ควรที่จะได้รับสิทธิพิเศษในการเล่นกับมือถือนั่นเอง อย่างไรก็ตามถ้าลูกทำตัวไม่ดี เราเองก็มีสิทธิ์ที่จะลดเวลาหน้าจอของลูกลงจากปกติเช่นเดียวกัน

 

  1. ใส่ใจลูกให้มากขึ้น
    ในบางครั้งการที่เจ้าตัวเล็กของเรานั้นมีอาการติดมือถือก็เป็นความผิดของผู้ปกครองของเราส่วนหนึ่ง กล่าวคือเมื่อเด็ก ๆ เกิดอาการงอแง เอาแต่ใจ หรือแม้แต่มาวนเวียนกับเราในเวลาที่เราไม่สะดวก การโยนมือถือให้เขาเล่นก็จะเป็นวิธีที่ง่ายแสนง่ายในการจะลดความวุ่นวายเหล่านั้น ดังนั้นพ่อแม่อย่างเรา ๆ ควรต้องเลิกใช้มือถือเป็นทางออกในการแก้ปัญหาเมื่อเราไม่สามารถรับมือเรื่องปวดหัวของลูกน้อยได้ และหันมาใส่ใจ หันมาแก้ปัญหาที่ว่านี้ด้วยตัวของเราเอง

 

  1. ต้องรู้จักฟังลูกบ้าง
    ในบางครั้ง การที่ลูก ๆ ไม่ยอมวางมือถือเมื่อถึงเวลาที่ต้องปิดหน้าจอก็มีเหตุผลอยู่บ้าง  ดังนั้นเมื่อใกล้ถึงเวลาที่ลูกต้องพักจากหน้าจอ เราควรเตือนให้เขารู้ตัวแต่เนิ่น ๆ ก่อนสักอย่างน้อย 5 นาที และถ้าถึงเวลาปิดจอแล้วเขายังไม่สามารถปิดได้ ก็ควรพูดคุย หาเหตุผล เพื่อลดแรงปะทะ และทำให้เห็นว่าเราไม่ได้ใจร้ายใจดำ และมีความเข้าอกเข้าใจเขาเป็นอย่างดีนั่นเอง

 

  1. หมั่นสร้างช่วงเวลาแห่งความสนุกของครอบครัว
    ในบางครั้ง การที่ลูกเอาแต่เล่นมือถือมาก ๆ ก็มีสาเหตุมาจากในชีวิตประจำวัน หรือชีวิตครอบครัวของเขา ไม่มีเรื่องสนุก ๆ ไปมากกว่าการเล่นมือถือหรือแท็ปเล็ตยังไงล่ะ! ดังนั้นการจะทำให้ลูกสามารถเลิกเล่นมือถือแบบอ้อม ๆ นั่นก็คือเราต้องหาสิ่งที่น่าสนใจมากกว่ามาทำให้เขายอมวางมือถือไปด้วยตัวของเขาเอง

    ซึ่งมูลาก็ขอแนะนำให้คุณพ่อ คุณแม่ยุคใหม่ หันมาใช้วันหยุดสุดสัปดาห์ของคุณทำกิจกรรมสนุก ๆ กับแบบพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว ไม่ว่าจะพาลูกออกนอกบ้านไปเที่ยว ไปเล่นโรลเลอร์สเก็ต เดินเล่น ว่ายน้ำ ฯลฯ ขอเพียงแค่เป็นกิจกรรมที่สนุก และเอื้อให้สมาชิกครอบครัวทุกคนได้ใช้เวลาร่วมกัน เท่านั้นก็ถือเป็นแรงจูงใจชั้นดีที่ทำให้ลูก ๆ ของคุณยอมละสายตาออกจากหน้าจอได้แล้วล่ะ

 

ท้ายที่สุดนี้ หากคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ลองนำวิธีการทั้งหมดที่มูลาได้รวบรวมมาไว้ข้างต้นนั้นอย่างเคร่งครัดแล้ว มูลารับรองได้เลยว่าเพื่อน ๆ สามารถแก้ปัญหา ลูกติดหน้าจอ ได้อย่างแน่นอน

 

บทความ : MULA Learning
รูปประกอบ : MULA Learning

 

  • แชร์