
10
Februaryรูปแบบการใช้เงิน 3 ประการ ที่ควรต้องรู้หากไม่อยาก “ถังแตก”
เพื่อน ๆ กำลังประสบปัญหากับ “ทำอย่างไรก็ไม่รวย” หรือไม่? ซึ่งหากใช่แล้วล่ะก็... บางทีสาเหตุหลักของปัญหาที่ว่านี้อาจจะมาจากการที่เราไม่รู้จัก “รูปแบบการใช้เงิน” ก็เป็นได้ ซึ่งทำให้เรามัวใช้จ่ายไปกับสิ่งไม่จำเป็นจนเกินตัว และไม่เหลือเงินสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นนั่นเอง
แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะ เรื่องแบบนี้แก้ไขได้ไม่ยาก! ถ้าพร้อมแล้วไปรู้จักกับรูปแบบการใช้เงิน 3 ประการ ที่ควรต้องรู้กันเลยดีกว่า!
- การใช้เงินแบบครั้งเดียวจบ
การใช้เงินแบบครั้งเดียวจบนั้นถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นแทบจะทุก ๆ วันเลยก็ว่าได้ โดยถือเป็นรูปแบบเบื้องต้นของการใช้จ่ายนั่นก็คือ จ่ายเงิน แล้วก็ได้สิ่งของ หรือบริการต่าง ๆ ตอบแทน โดยจะไม่มีการต้องมานั่งผ่อน ที่ต้องมีดอกเบี้ย หรืออะไรทั้งสิ้น แค่จ่ายแล้วก็แยกย้าย
โดยค่าใช้จ่ายประเภทแรกนี้ สามารถยกตัวอย่างได้เช่น ค่าข้าว ค่าเดินทาง ค่าหอพัก หรือแม้แต่ค่าชานมไข่มุกแก้วโปรด เหล่าข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว และของมันต้องมีทั้งหลายที่เรานั้นไป CF ตามเว็บต่าง ๆ นั่นก็นับเป็นการใช้เงินในรูปแบบแรกเช่นเดียวกัน
ซึ่งหากเพื่อน ๆ มองผิวเผิน ก็จะเห็นว่าไอ้เจ้าการใช้เงินแบบครั้งเดียวจบนั้นไม่สามารถสร้างปัญหาอะไรได้อย่างแน่นอน แต่ทว่า! แท้ที่จริงแล้วการฟุ่มเฟือยมากเกินจำเป็นจากของมันต้องมีทั้งหลาย จะค่อย ๆ ทำให้เพื่อน ๆ ตกอยู่ภายใต้ “ความเสี่ยง” และมีโอกาสสูญเงินอย่างมหาศาลในอนาคตได้โดยไม่รู้ตัว โดยการใช้เงินเกินควรจะเริ่มส่งผลทำให้ในแต่ละเดือนของเพื่อน ๆ นั้น “ไม่มีเงินเหลือเก็บ” นั่นเอง ซึ่งพอเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เกิดวันใดวันหนึ่งมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นทำให้เพื่อน ๆ จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนที่มากขึ้น ไม่ว่าจะการโดนปลดออกจากงานแบบฟ้าผ่า การเจ็บไข้ได้ป่วยจากโรคร้าย หรือแม้แต่อุบัติเหตุครั้งใหญ่ เพื่อน ๆ จะเดือดร้อนขึ้นมาในทันที เพราะไม่มีเงินเก็บสำรองเอาไว้รับมือกับเรื่องเหล่านี้นั่นเอง
ทั้งนี้ เพื่อรับมือไม่ให้การใช้จ่ายแบบครั้งเดียวจบนั้นมากจนเกินจำเป็น เราสามารถใช้วิธีการทำรายรับ-รายจ่าย เข้ามาช่วยแก้ไขนิสัยทางการใช้เงินที่ไม่ดีได้อย่างทันตาเห็นเลยแหละ เพราะการที่เราต้องคอยจดบันทึกค่าใช้จ่ายอยู่ตลอดนั้น จะคอยกระตุ้นให้เรา ‘เกิดความรู้สึกผิด’ เมื่อจะต้องควักสตางค์ออกไปจากกระเป๋าด้วยเรื่องที่ไม่จำเป็น ซี่งความรู้สึกแบบนี้แหละที่จะช่วยลดการใช้จ่ายอันแสนฟุ่มเฟือยได้เป็นอย่างดี อย่าลืมลองทำกันดูนะ
- การใช้เงินที่จะทำให้เราเสียเงินมากยิ่งขึ้นในภายหลัง
หลายคนอาจจะยังงง ๆ ว่าเอ๊ะ มันมีการใช้เงินที่จะทำให้เรา “ยิ่งเสียเงิน” ด้วยหรอ? ซึ่งเราขออธิบายตรงนี้เลยว่า มันมีอยู่จริง โดยจะยกตัวอย่างเรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัวอย่าง “การผ่อน” โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น ที่ถึงแม้ ณ ปัจจุบัน ค่ายมือถือต่าง ๆ ก็มักจะออกโปรฯ ผ่อน 0% ตลอด 10 เดือน มาจูงใจให้เพื่อน ๆ เปลี่ยนมือถือกันบ่อยขึ้นแล้ว แต่หากเพื่อน ๆ เกิดไม่สามารถปิดยอดได้ครบภายใน 10 เดือนนี้ล่ะก็ จากราคาของมือถือที่เดิมทีก็แพงอยู่แล้ว มันก็จะยิ่งแพงขึ้นไปอีก แถมบางที ใช้งานได้ไม่ถึงปี เกิดทำมือถือหล่น จอแตก ก็ต้องจ่ายค่าซ่อมเสียอีก
ในมุมของการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ก็เช่นเดียวกัน เพราะเนื่องจากเพื่อน ๆ จะต้องเสีย “ดอกเบี้ย” ให้กับทางธนาคารเพื่อแลกกับการไม่ต้องทุ่มเงินก้อนโตแล้ว สิ่งที่ตามมาจากการใช้จ่ายกับของสองสิ่งนี้ก็คือ “ค่าบำรุงรักษา” นั่นเอง โดยบ้านก็ต้องซื้อเฟอร์นีเจอร์เพิ่มถูกไหมล่ะ แถมนาน ๆ ไป สีที่ทาเอาไว้ก็อาจจะหลุดลอก ต้องจ่ายค่าทาสีเพิ่มอีก ส่วนในมุมของรถยนต์นั้น ใช้ไปนานวันเข้าก็ต้องมีการนำเข้าศูนย์ฯ เพื่อเช็คสภาพรถยนตร์ตามระยะทางที่กำหนด และหากเจออะไรเสียหายเข้าหน่อย เราก็ต้องจ่ายเงินในส่วนนี้เพิ่มขึ้นอีก
เมื่ออธิบายแบบนี้แล้ว เพื่อน ๆ ก็จะเห็นได้ว่า การซื้อมือถือ ซื้อบ้าน หรือซื้อรถนั้น “ไม่จบ” เพียงแค่เราจ่ายครบจำนวน แต่ยังมีเรื่องยิบย่อยอีกมากมายให้เราต้องจัดการมันตลอดอายุการใช้งานนั่นเอง
ทั้งนี้เราขอเตือนเพื่อน ๆ ไว้เลยนะว่า ถ้าหากเพื่อน ๆ ไม่อยากถังแตกแล้วล่ะก็... พยายามใช้เงินในรูปแบบนี้ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้นะ เพราะเจ้าเงินก้อนนี้หากเราบริหารจัดการได้ไม่ดี ท้ายที่สุดมันก็กลายเป็นวงจรที่ออกได้ยาก เนื่องจากปัญหาหลักของการเป็นหนี้ก็คือ การไม่ได้มีหนี้สินแค่เพียงก้อนเดียว และ “หนี้” ของเราจะค่อย ๆ เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ จนมากมายมหาศาลเกินจะรับมือได้ และนำพาเพื่อน ๆ เขาสู้วังวนของการกู้นั่น มาโปะนี่ กู้นี่ ไปโปะโน่น กู้แล้วกู้อีกแบบไม่จบไม่สิ้น ซึ่งเมื่อหลาย ๆ คนนั้นกู้สถาบันทางการเงินแบบถูกต้องจนไม่สามารถกู้ได้แล้ว ก็อาจจะหันไปหาเหล่า “เจ้าหนี้นอกระบบ” ซึ่งทุก ๆ คนต่างรู้สรรพคุณกันดีว่า เจ้าหนี้เหล่านี้มีความเคี่ยวขนาดไหน แถมยังมาด้วยดอกเบี้ยอันแพงแสนแพงอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เรานั้นเข้าใจดีว่าทุก ๆ คนต่างก็มีความจำเป็นต้องใช้เงินไม่เหมือนกันใช่ไหมล่ะ บางคนเมื่อเข้าตาจนการกู้เงินก็สามารถต่อลมหายใจให้เรา และครอบครัวไปได้อีกระยะเวลาหนึ่งเลยทีเดียว ดังนั้นสิ่งที่สำคัญไม่ใช่การ “ไม่กู้” แต่เป็นการ กู้แล้ว “จัดการ” กับมันให้ได้ “เร็วที่สุด” นั่นเอง ดังคำโบราณที่ว่า “การไม่มีหนี้นั้นเป็นลาภอันประเสริฐ”
- การใช้จ่ายเงินที่ทำให้เงินงอกเงย หรือได้รับผลตอบแทน
เพื่อน ๆ รู้หรือไม่ว่า เราสามารถใช้เงินทำให้เรามีเงินมากขึ้นได้ด้วยนะ ซึ่งการใช้จ่ายรูปแบบนี้จะถูกเรียกง่าย ๆ ว่า “การลงทุน” นั่นเอง ซึ่งเราจำเป็นต้องลงทุนเงินไปในช่วงแรกก่อน และหลังจากนั้นมันก็จะเกิดดอกผลให้ได้เก็บกินไปตลอดโดยไม่ต้องใช้เวลาหรือลงแรงอีกนั่นเอง ซึ่งการใช้จ่ายประเภทนี้นั้นจะถือเป็นรูปแบบการใช้จ่ายที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นการใช้จ่ายที่ท้ายที่สุดจะทำให้ตัวเรานั้นมีความมั่นคงทางการเงิน และมีรายได้แบบไม่ต้องเหนื่อยอีกต่อไป โดยตัวอย่างของการใช้จ่ายเงินที่ทำให้เงินงอกเงย หรือได้รับผลตอบแทนนั้นก็จะมีดังนี้
- การฝากประจำ
เงินฝากประจำถือเป็นการลงทุนความเสี่ยงต่ำที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งผลกำไรที่เราจะได้จากการลงทุนรูปแบบนี้ก็คือ ดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินฝากปกตินั่นเอง - การลงทุนบนพันธบัตรรัฐบาล
พันธบัตรรัฐบาล เป็นตราสารหนี้ที่จะทำให้เรามีสถานะเป็นเจ้าหนี้ของภาครัฐ พูดง่าย ๆ ก็คือ เอาเงินของเราไปให้รัฐบาลหมุนใช้นั่นแหละ ซึ่งการทำแบบนี้เราก็จะได้รับการชำระหนี้ และผลประโยชน์อื่น ๆ ตามมาจากลูกหนี้ซึ่งก็คือหน่วยงานที่ออกพันธบัตรนั้น ๆ - การลงทุนด้วยกองทุนรวม
อีกหนึ่งการลงทุนความเสี่ยงต่ำ ที่เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานด้านการลงทุนมาก่อน เป็นการให้คนอื่นเอาเงินเราไปเพิ่มมูลค่า - การลงทุนกับทองคำแท่ง
การลงทุนในทองคำแท่ง ถือเป็นอีกรูปแบบการสร้างรายได้แบบงอกเงยที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน เพราะซื้อได้ง่าย และขายได้คล่อง - การเล่นหุ้น
การเล่นหุ้นนั้นถือเป็นการลงทุนที่มีความนิยมมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เนื่องจากมันได้ผลตอบแทนที่ดีมาก เพราะได้เงินจากหลายทาง แต่ทว่าสิ่งที่ต้องนึกถึงเสมอเมื่อเล่นหุ้นก็คือ “ความเสี่ยง” ที่มากมายมหาศาลของมัน ฉะนั้นต้องศึกษาให้ดี ๆ นะ - การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่าถือเป็นวิธีการลงทุนที่นิยมมากในปัจจุบัน แต่ทว่าต้องใช้เงินลงทุนสูงพอสมควร เพื่อให้ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ และได้ผลตอบแทนเป็น “ค่าเช่า” โดยอสังหาริมทรัพย์ที่คนนิยมปล่อยเช่าในปัจจุบัน ก็คือ คอนโด บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โดยมีทั้งปล่อยเช่ารายเดือน รายปี หรือรายวัน นั่นเอง - การลงทุนกับตัวเอง
การลงทุนในตัวเองนับเป็นอีกหนึ่งการ "ลงทุน" ที่สำคัญสำหรับการใช้ชีวิตในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยในยุคปัจจุบันนั้นมีแค่คนที่สามารถ “เปลี่ยน” หรือ “รับมือ” กับเรื่องต่าง ๆ ได้อย่าง “รอบด้าน” เท่านั้นที่จะเห็นโอกาสในการเติบโต ซึ่งหากตัวเรานั้นไม่เปลี่ยนตามยุคสมัยแล้วล่ะก็ ระวังจะตกยุคไม่รู้ตัว ซึ่งการลงทุนแบบนี้ก็จะทำได้ทั้งการลงเรียนวิชาต่าง ๆ เพิ่มเติม หรือแม้แต่การรักษาสุขภาพ เป็นต้น
มาถึงตรงนี้เพื่อน ๆ ก็คงสามารถจำแนกรูปแบบการใช้เงิน 3 ประการ ได้อย่างชัดเจนแล้วอย่างแน่นอน ฉะนั้นแล้วหากเพื่อน ๆ ไม่อยาก “ถังแตก” อย่าลืมลดการใช้จ่ายที่ไม่เกิดประโยชน์ และเพิ่มการใช้จ่ายที่จะสร้างเงินให้กับเราเสียตั้งแต่วันนี้กันดีกว่า
บทความ: MULA Learning
รูปประกอบ: MULA Learning