
25
Februaryรวมสัญญาณลูกน้อยติดเกม
ปัญหาเด็ก ๆ ติดเกมเป็นปัญหาคลาสสิกที่คุณพ่อคุณแม่มักกังวล เพราะรู้ดีว่า การใช้เวลาเล่มเกมผ่านหน้าจอนาน ๆ ย่อมส่งผลร้ายมากกว่าผลดีกับเด็ก ๆ การแก้ไขปัญหาอาจจะยากกว่าการป้องกัน จะดีกว่าไหมถ้าคุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตอาการว่าลูกน้อยเข้าข่ายติดเกมแล้วหรือไม่ เพราะกันไว้ดีกว่าแก้ บทความนี้ของมูลาจึงขอรวบรวมสัญญาณที่บ่งบอกว่าเด็ก ๆ มีอาการของการติดเกม ไม่ต้องรอให้เด็ก ๆ มีสัญญาณมากกว่า 1 อย่างแล้วค่อยมาแก้ไข ว่าแล้วมาตามอ่านกันเลย
อาการติดเกมคืออะไร น่ากลัวอย่างไร
อ้างอิงข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก การติดเกม คือการเล่นเกมอย่างต่อเนื่อง เล่นต่อเนื่อง ซ้ำ ๆ ให้ความสำคัญกับการเล่นเกมมากว่ากิจกรรมอื่น ๆ และไม่สามารถควบคุมการเล่นเกมของตนเอง ซี่งในที่สุดจะส่งผลร้ายให้ผู้ที่มีอาการติดเกมนั่นเอง
ความน่ากลัวของอาการติดเกม คือ มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับโรคจิตเวช กล่าวคือ สามารถเป็นทั้งเหตุหรือผลจากการติดเกมนั้นก็ได้ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีได้ระบุถึง 3 โรคจิตเวชที่เกี่ยวข้องกับโรคติดเกม ได้แก่
- โรคซึมเศร้า
เมื่อรู้สึกเศร้า หมดหวังกับโรคความเป็นจริง การเล่นเกมจึงกลายเป็นทางออกในการหลีกหนีความจริง ยิ่งจะทำให้อาการซึมเศร้ามีแต่จะเพิ่มขึ้น
- โรคบกพร่องทางการเรียนเฉพาะด้าน
บางทีเพราะเด็ก ๆ ไม่ได้ประสบความสำเร็จทางการเรียน การเล่นเกมให้ดี เล่นเกมให้เก่งจึงอาจเป็นการชดเชยการอยากได้การยอมรับจากคนรอบข้าง แต่นั่นจะทำให้เด็ก ๆ หมกหมุ่น และไม่สนใจเรื่องการเรียนเข้าไปใหญ่
- โรคสมาธิสั้น
เพราะเกมนั้นจะฝึกให้เด็ก ๆ ไม่รออะไรนาน ๆ เล่นไปซักพักก็มีผลลัพธ์หรือมีของล่อตาล่อใจมาเรื่อย ๆ จนเด็ก ๆ ไม่สามารถรออะไรในชีวิตจริงได้ และหากเด็ก ๆ ติดเกมขึ้นมาจริง ๆ อาการโรคสมาธิสั้นก็ยิ่งจะหนักขึ้นไปอีก
นอกจากโรคทางจิตเวชที่เกี่ยวข้องกับอาการติดเกมแล้ว ยังมีผลเสียอื่น ๆ ทั้งทางสุขภาพ พัฒนาการ พฤติกรรม การเรียน เช่น โรคอ้วน การเต้นของหัวใจและความดันโลหิตที่สูงขึ้น ทักษาะทางสังคมที่ไม่ดี การควบคุมอารมณ์ต่ำ หรือไม่มีเวลาทบทวนบทเรียนจนผลการเรียนแย่ลงนั่นเอง
สัญญาณเด็กติดเกมที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส) ระบุ 5 สัญญาณของการติดเกมไว้ดังต่อไปนี้
- อารมณ์เสีย หงุดหงิดง่าย
เพราะเกมนั้นจะฝึกผู้เล่นต้องการอะไรตอบสนองทันที ไม่สามารถรออะไรได้นาน ๆ พอมาอยู่ในโลกชีวิตจริงแล้ว เด็กที่ติดเกมก็มักมีอาการอารมณ์เสีย หรือหงุดหงิดง่าย นอกจากนี้หากถูกขัดจังหวะขณะเล่นเกม ก็พาลจะแสดงอารมณ์ได้ง่ายหรือรุนแรงก็ได้เช่นกัน
- หมกหมุ่น เล่นจนไม่เป็นอันทำอะไร
คุณพ่อคุณแม่อาจต้องสังเกตว่าในแต่ละวันนั้น เด็ก ๆ ใช้เวลาอยู่กับเกมมากน้อยขนาดไหน มากจนเบียดเบียนเวลาทานข้าว ทำการบ้าน อ่านหนังสือหรือทำกิจกรรมกับครอบครัวหรือไม่ อาการติดเกมที่หนักนั้นจะทำให้เด็ก ๆ ไม่อยากหาเวลาทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ เลยที่จะส่งผลกระทบระยะยาวได้
- ยังเล่นไปเรื่อย ๆ ทั้งที่เริ่มเกิดปัญหา
เด็ก ๆ อาจจะยังไม่เห็นผลกระทบของการเล่นเกมนาน ๆ อย่างต่อเนื่องขนาดนั้น แต่คุณพ่อคุณแม่ในฐานะคนนอก ย่อมสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงหรือผลกระทบของการติดเกมได้อย่างชัดเจน เช่น เริ่มไม่อยากรับประทานอาหาร เริ่มไม่อยากออกไปใช่เวลากับครอบครัว ไม่อยากทำการบ้าน
- มีอาการทางร่างกาย
เล่นเกมติดต่อนานเกินไป แน่นอนว่า เด็ก ๆ อาจมีปัญหาที่เกี่ยวกับสุขภาพ เช่น สายตา บุคลิกภาพ หรือเด็ก ๆ อาจมีอาการนอนหลับยากอีกด้วย
- พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงในที่นี้เป็นพฤติกรรมในด้านลบ เช่น อาการก้าวร้าว ดื้อ ไม่เชื่อฟัง พูดโกหกหรือเก็บตัว หากสังเกตได้ว่าเด็ก ๆ มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปตามนี้ อาจต้องสงสัยแล้วว่า เด็ก ๆ มีอาการติดเกมแบบจริง ๆ จัง ๆ แล้วหรือยัง
อาการติดเกมที่เรื้อรังนั้นไม่เพียงจะส่งผลกระทบในระยะสั้น ๆ แต่หากผู้ปกครองไม่ได้ดูแลเอาใจใส่เรื่องนี้อย่างเป็นจริงเป็นจังแล้วล่ะก็ ผลกระทบแง่ลบในระยะยาวก็อาจเกิดขึ้นกับลูก ๆ ก็เป็นได้ ข้อสำคัญคือ คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองควรมีเวลาเอาใจใส่ และสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเด็ก ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาอาการติดเกมนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://dmh.go.th/news/view.asp?id=2271
บทความ: MULA Learning
รูปประกอบ: MULA Learning