การค้นหาแบบครอบคลุมทั้งหมดยังไม่ได้เปิดใช้งาน
ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Blog entry by Anuntapong Chuen-im

เช็คให้ชัวร์ 4 ข้อเตือนใจก่อนจะซื้อ “ของชิ้นใหญ่”

เชื่อว่าทุกๆ คนต่างก็มีความฝันที่จะมี “ของชิ้นใหญ่” เป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังเล็กๆ อันแสนอบอุ่นจากเงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรง รถยนต์คันงามสักคันที่สามารถพาทั้งตัวเราและคนที่เรารักไปได้ทุกแห่งหน หรือแม้แต่ที่ดินสักแปลงเพื่อไว้เป็นทรัพย์สมบัติติดตัวในวันข้างหน้า

 

แต่ทว่า! อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจไปเชียวล่ะ เพราะว่าของชิ้นใหญ่เหล่านี้อาจจะสร้างความสุข และเติมเต็มส่วนที่เราขาดได้ก็จริง แต่มันมักจะมาพร้อมกับ “หนี้” ที่ก้อนโตไม่แพ้กัน ถ้ายังสามารถทำงานไหวไปได้เรื่อย ๆ ก็อาจจะยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่มากนัก แต่หากวันหนึ่งเกิดเรื่องไม่คาดคิดที่ทำให้หาเงินได้ไม่เท่าเก่าล่ะ ระวังหนี้ก้อนใหญ่ก้อนนี้ จะส่งผลเสียเหมือนเนื้อร้ายที่ติดตามตัว และท้ายที่สุด ของในฝันที่อุตส่าห์ผ่อนมาตั้งนานก็อาจจะโดน “ยึดคืน” ไปได้โดยไม่ทันตั้งตัว

 

ฉะนั้นแล้ว เพื่อป้องกันเหตุการณ์ข้างต้น ทุกๆ ครั้งก่อนที่จะตัดสินใจซื้อของชิ้นใหญ่ เรามาเช็คให้ชัวร์กับ 4 คำถามเตือนใจก่อนใช้จ่ายเพื่อป้องกันไม่ให้เราก้าวพลาดกันดีกว่า จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

 

คำถามที่ 1: ของเหล่านี้จำเป็นมากแค่ไหน?

นี่ถือเป็นหนึ่งในคำถามสุดคลาสสิก ที่เราอยากให้เพื่อนๆ ทุกๆ คน ถามตัวเองในทุกๆ ครั้งก่อนที่จะจับจ่ายใช้สอย ไม่จำเป็นต้องเป็นของชิ้นโตอย่างบ้าน หรือ รถ ก็ได้ เพราะของชิ้นเล็กๆ อย่างเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับ ต่างก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อนจะซื้อทั้งสิ้น มิฉะนั้นอาจจะสิ้นเปลืองเงินที่มีโดยใช่เหตุ และส่งผลให้เราต้องใช้เงินแบบเดือนชนเดือน จนไม่มีเงินเก็บก็เป็นได้

 

สำหรับในเรื่องของบ้าน และรถนั้น หลายต่อหลายคนอาจจะมีสิ่งนี้อยู่แล้ว เพียงแต่อาจจะเป็นบ้านหลังเก่าที่อยู่มาตั้งแต่เกิด หรือรถคันเดิมที่อาจจะไม่ทันสมัยเท่ารถรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งทางเทคนิคแล้ว เรื่องเหล่านี้อาจจะไม่ใช่ความจำเป็นในการต้องซื้อของชิ้นใหม่ เพราะของที่มีอยู่นั้นยังใช้การได้ดีไม่มีข้อบกพร่อง เพียงแต่อาจจะไม่ถูกใจเราแล้วเท่านั้น หากแต่รอให้เรามีกำลังทรัพย์มากพอ แล้วค่อยซื้อของชิ้นใหญ่เหล่านี้ ก็อาจจะไม่สาย

 

และสำหรับคนที่ไม่มีทั้งบ้าน และรถมาก่อน หรืออยากย้ายออกจากบ้านหลังเดิมมาเพื่อเริ่มชีวิตของตนเองกับครอบครัว บางทีการเลือกเช่าหอพัก หรือคอนโดที่ใกล้ที่ทำงาน ก็อาจจะตอบโจทย์ทางด้านความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะไม่ต้องซื้อรถเพราะใกล้ที่ทำงาน เดินทางสะดวกแล้ว ก็ยังเหมือนได้ที่อยู่อาศัยใหม่ด้วยยังไงล่ะ

 

คำถามที่ 2: แน่ใจหรือไม่ว่าเราจะจ่ายไหว?

หลังสำรวจตัวเองอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วว่าการซื้อบ้านหรือรถนั้นมีความจำเป็นต่อเราอย่างแท้จริง ปัจจัยต่อมาก็คือ การตระหนักถึงค่าใช้จ่ายที่เราจะต้องเจอ ซึ่งเป็นเหมือนเงาตามตัว อยากซื้อของ ก็ต้องเสียเงินถูกไหมล่ะ? แต่ถ้าซื้อมาแล้วดันจ่ายไม่ไหว รับรองว่าคุณจะเสียใจไปอีกนานเลยทีเดียวเชียว

 

เพราะฉะนั้นแล้วทางออกของเรื่องนี้ก็คือ การคำนวณค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดถี่ถ้วน ให้มั่นใจว่าสามารถจ่ายไหวโดยไม่เดือดร้อนใคร ทั้งนี้หากคิดตัวเลขออกมาแล้วอาจจะหนักเกินไป การเลือกบ้านในทำเลที่ไม่แพงมาก และขนาดที่ไม่ใหญ่เกินตัว หรือแม้แต่รถที่มีขนาด หรือรุ่นเล็กลงมาจากที่ตั้งใจไว้หน่อย ก็จะช่วยให้เราเบาใจกับค่าใช้จ่ายที่ต้องเจอไปได้เยอะเลยทีเดียว

 

คำถามที่ 3: เรามีเงินสำรองมากพอหรือไม่?

คำถามข้อที่ 3 นี้จะเป็นสิ่งที่คอยสนับสนุนเราให้สามารถผ่อนจ่ายหนี้ก่อนโตที่ว่านี้ได้โดยไม่สะดุด เพราะในทุกๆ วันนี้ การตกงานไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป บางคนคำนวณรายรับ - รายจ่าย อย่างเสร็จสรรพ คิดไว้แล้วว่าจ่ายไหวแน่นอน แต่กลับลืมคิดถึงความไม่แน่นอนในอาชีพเข้าไปด้วย พอตกงานที เงินสำรองก็ไม่มี ทีนี้แหละงานเข้าเลยก็ว่าได้! อย่าลืมเก็บเงินเผื่อไว้ให้มากๆ เข้าล่ะ จะได้ไม่ต้องมากังวลเอาทีหลัง

 

คำถามที่ 4: จะติดต่อขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินได้อย่างไร?

หลังจากตอบคำถามทั้ง 3 ข้อด้านบนแบบครบถ้วนแล้ว ก็จะมาถึงคำถามสุดท้ายที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าข้ออื่นๆ เลยก็คือ การมองหาหนทางการติดต่อกับเหล่าธนาคารหรือสถาบันการเงินทั้งหลาย เพื่อขอกู้สินเชื่อสำหรับนำมาใช้ชำระของชิ้นใหญ่ชิ้นนี้ โดยเหตุผลที่คนส่วนใหญ่นิยมที่จะกู้เงินมาซื้อบ้านหรือรถ ก็เพราะจะไม่ทำให้ตัวเองต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายก้อนโตในครั้งเดียวนี่เอง แถมเงินก้อนที่จะจ่ายสดไปกับการซื้อบ้าน หรือรถนั้น ยังมีโอกาสเอาไปลงทุนในรูปแบบต่างๆ ได้อีกด้วย นี่จึงเป็นหนึ่งในวิธีบริหารการเงินที่ค่อนข้างชาญฉลาดมิใช่น้อย

 

ท้ายที่สุดนี้ หลังจากเพื่อนๆ ทุกคนตอบคำถามที่ว่านี้ครบทั้ง 4 ข้อแล้ว ก็คงจะเห็นภาพการใช้จ่ายสำหรับของชิ้นโตเป็นแน่แท้ หากใครพร้อมแล้ว เราก็ขอแสดงความยินดีกับเพื่อนๆ ล่วงหน้าเลย ส่วนคนที่ยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร เพราะการรอให้มีบ้านหรือรถในวันและเวลาที่เหมาะสมนั้น ดีกว่าการเป็นหนี้ในวันที่ไม่พร้อมแน่นอน

 

บทความ: MULA Learning
รูปประกอบ: MULA Learning

 

  • แชร์