การค้นหาแบบครอบคลุมทั้งหมดยังไม่ได้เปิดใช้งาน
ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Blog entry by Anuntapong Chuen-im

เทคนิคเก็บออมสำหรับ “งานแต่ง” อยากแต่งงานแต่เงินไม่หนา ต้องดู

เชื่อได้เลยว่า “งานแต่งงาน” นั้นถือเป็นฝันอันสูงสุดของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่มักจะวาดฝันเห็นตัวเองอยู่ในชุดเจ้าสาวสุดเก๋ ซึ่งหากฝันเหล่านี้เป็นจริงขึ้นมาแล้วล่ะก็ รับรองได้เลยว่าเพื่อน ๆ ต้องมีความสุขจนหาอะไรมาเทียบไม่ได้เลยทีเดียวเชียว

 

แต่ทว่า ณ สภาพความเป็นจริงในปัจจุบันที่เงินทองนั้นช่างหายากเสียเหลือเกิน ก็อาจจะทำให้ใครหลาย ๆ คนนั้น “พับ” ฝันที่ว่านี้เก็บใส่กล่อง และทิ้งมันไปโดยปริยาย ซึ่งบอกได้เลยว่าเราไม่ยอมให้เพื่อน ๆ พลาดโอกาสที่จะทำตามฝันอันล้ำค่านี้อย่างแน่นอน!

 

ฉะนั้นแล้ววันนี้เราจะมานำเสนอ เทคนิคเก็บออมสำหรับ “งานแต่ง” ที่บอกได้เลยว่าแม้เงินไม่หนา แต่เพื่อน ๆ จะสามารถมีงานแต่งงานในฝันได้อย่างแน่นอน ถ้าทำตามวิธีเหล่านี้

 

ขั้นที่ 1 : ตั้งเป้าหมายให้ชัด กำหนดวันแต่งงานไปเลย!

การออมเงินสำหรับงานแต่งนั้น จริง ๆ แล้วก็เหมือนกับการออมเงินโดยทั่ว ๆ ไปนี่แหละ แต่ทว่าจะต่างกันแค่วัตถุประสงค์ในการใช้งาน “เงิน” ก้อนดังกล่าวเท่านั้นเอง ซึ่งปกติแล้วหากเพื่อน ๆ หวังที่จะประสบความสำเร็จในการออมเงิน สิ่งที่ขาดไม่ได้โดยเด็ดขาดเลยก็คือ การมี “เป้าหมาย” ที่ชัดเจน และสำหรับในมุมมองของงานแต่งงานแล้วล่ะก็… คงไม่มีเป้าหมายไหนชัดเจนไปกว่า “วันแต่งงาน” แล้วใช่ไหมล่ะ?

 

ฉะนั้นแล้วการเริ่มต้นสานฝันของคู่รักทุกคู่นั้น ก็คือ การกำหนดวันแต่งงานนี่แหละ แต่ทว่าการกำหนดวันแบบตายตัวอาจจะทำให้เพื่อน ๆ เครียดจนเกินไปได้ ฉะนั้นทางออกที่ดีก็คือเพื่อน ๆ สามารถกำหนดแบบคร่าว ๆ ว่าจะแต่งงานกันในช่วงใด ตัวอย่างเช่น วางแผนแต่งงานกันใน อีก 2 ปี หรือ 3 ปีข้างหน้า เป็นต้น

 

ขั้นที่ 2 : เช็คให้ชัวร์ว่าต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?

ขั้นตอนนี้ถือเป็นจุดสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อความเป็นไปได้ของงานแต่งในฝันของเพื่อน ๆ เลยแหละ เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการทั้งหมด หากเพื่อน ๆ ประเมินไม่ครบทุกสิ่งอย่างแล้วล่ะก็ ถึงเวลางานแต่งงานจริง ๆ จะดูไม่จืดเลยทีเดียว ฝันดีอาจจะกลายเป็นฝันร้ายได้ในทันที

 

ซึงสิ่งที่ต้องทำสำหรับขั้นตอนนี้ก็คือ การประเมินรายละเอียดค่าใช้จ่าย “แบบครบถ้วน” ว่าจะต้องเตรียมเงินไว้สำหรับอะไรบ้าง เช่น สินสอด แหวนหมั้น ชุดแต่งงานของบ่าว-สาว ขบวนแห่ขันหมาก การจัดงานเลี้ยง และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ซึ่งหากเพื่อน ๆ มีงบไม่มากนัก ก็ควรพิจารณาทางเลือกที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานได้ในขั้นตอนนี้ อะไรที่ตัดออกได้ก็ควรจะตัดไป โดยเน้นการ ‘ลงแรง’ แทนการ ‘ลงเงิน’ เช่น การเลือกออแกไนซ์ที่เหมาะสมกับขนาดงาน, ลดเกรดของชำร่วยมาสักนิด, เปลี่ยนรูปแบบอาหารให้ไม่หรูหราจนเกินไป, ไม่ต้องถ่ายพรีเว้ดดิ้ง หรือแม้แต่ประหยัดค่าช่างแต่งหน้า หรือช่างภาพ ด้วยการให้คนในครอบครัวเป็นคนจัดการให้ เป็นต้น

 

ทั้งนี้การที่ประเมินเงินในส่วนนี้ได้อย่างไม่มีปัญหาภายหลัง ทางคู่รักจำเป็นจะต้องช่วยกันตัดสินใจกำหนดงบประมาณให้ชัดเจน มีอะไรก็ตกลงกันให้เรียบร้อยนะ อย่าคิดเองเออเองคนเดียว เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

 

ขั้นที่ 3 : ถึงเวลาเริ่มเก็บเงิน!

หลังจากเพื่อน ๆ กำหนดเป้าหมายชัดเจนแล้วว่าจะใช้งบประมาณในการแต่งงานเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็น 50,000 บาท 100,000 บาท 500,000 บาท หรือ 1,000,000 บาท ก็ตาม หลังจากนั้นเพื่อน ๆ ก็สามารถคำนวณคร่าว ๆ ได้แล้วว่า ควรเก็บเงินให้ได้เดือนละเท่าใดให้ถึงเป้าหมายในเวลาที่กำหนดตอนต้น ซื่งขั้นตอนนี้เพื่อน ๆ ก็ห้ามลืมที่จะตกลงกับว่าที่คู่ชีวิตในอนาคตด้วยนะว่า แต่ละคนนั้นจะแบกรับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เท่าไหร่กันบ้าง

 

หลังจากที่เพื่อน ๆ ได้ยอดเงินที่ต้องเก็บในแต่ละเดือนที่แน่นอน พร้อมทั้งแบ่งสรรปันส่วนการออมอย่างชัดเจนแล้ว ก็ถึงเวลาเริ่มเก็บเงินกันได้เลย! ซึ่งทางเราก็ขอแนะนำเคล็ด (ไม่) ลับ ในการเก็บเงินแบบง่าย ๆ ก็คือ “การเก็บเงินก่อนที่จะได้ใช้” รับรองได้ผลอย่างแน่นอน

 

ทั้งนี้ยังมีอีกสิ่งที่อยากจะเตือนเพื่อน ๆ ด้วยก็คือ “การมีเงินเก็บฉุกเฉิน” เอาไว้ พูดง่าย ๆ ก็คือ เก็บให้มากกว่าเป้า (ถ้ามีกำลังมากพอจะทำได้) เพราะบางครั้งแม้เราจะคำนวณอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว แต่ปัญหาที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นได้เสมอ การมีเงินก้อนนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ จัดการกับเรื่องไม่คาดฝันได้อย่างง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

 

ขั้นที่ 4 : รายได้เสริมต้องมา

ในบางครั้งการเก็บเงินจำนวนมาก ๆ สำหรับงานแต่งนั้นอาจจะทำให้ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของเพื่อน ๆ นั้น “รัดกุม” มากจนเกินไป ซึ่งมันอาจจะส่งผลให้เกิดความเครียด และท้ายที่สุดอาจจะทำให้เลิกล้มฝันในการแต่งงานไปเลยก็ว่าได้ ฉะนั้นแล้วนอกจากการเก็บหอมรอมริบแล้ว อีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ ไปถึงฝั่งฝันได้โดยง่าย แถมยังใช้ระยะเวลาไม่นานมากนักก็คือ ‘การลงทุน’ หรือการ ‘ให้เงินทำงานแทนเรา’ นั่นเอง ซึ่งการลงทุนนั้นมีมากมายหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนความเสี่ยงต่ำ เช่น การฝากประจำ, การลงทุนบนพันธบัตรรัฐบาล, การลงทุนด้วยกองทุนรวม, การลงทุนกับทองคำแท่ง หรือการลงทุนความเสี่ยงสูง เช่น การเล่นหุ้น นั่นเอง

 

มาถึงตรงนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคู่รักคู่ไหนที่เคยพับฝันของการแต่งงานเก็บใส่กระเป๋าไป คงมีหวังที่จะเดินตามรอยฝันอันสูงสุดของคู่รักอีกครั้งนะ เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งเลยว่า “พลังแห่งความรัก” และการบริหารการเงินที่ดี จะช่วยให้เพื่อน ๆ ไปถึงฝั่งฝันอย่างแน่นอน!

 

บทความ : MULA Learning
รูปประกอบ : MULA Learning

  • แชร์