
25
Juneท้องนี้... “ไม่มีจน” หากเตรียมตัวอย่างถูกวิธีก่อนมีลูก
การมีพยานรักนั้นถือเป็นอีกปัจจัยที่เข้ามาเติมเต็มให้ครอบครัว และชีวิตคู่มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น แต่ทว่าทุกๆ คนต่างก็รู้ดีว่า “การมีบุตร” นั้นต้องใช้เงินมากมายขนาดไหน ไม่ว่าจะตั้งแต่ขั้นตอนการฝากครรภ์ ไปจนถึงการเลี้ยงดูเจ้าตัวน้อยให้เติบใหญ่โดยได้รับการดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
แล้วจะทำอย่างไรให้ลูกๆ ที่กำลังจะเกิดมา ได้เติบโตและมีชีวิตที่ดีในวันข้างหน้าอย่างมีคุณภาพ โดยไม่กระทบกับรายจ่ายภาพรวมของครอบครัวล่ะ? บางบ้านถึงกับตัดสินใจเลื่อนการมีลูกไปจนกว่าพวกเขาจะสร้างฐานะได้เชียวนะ ซึ่งนั้นอาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีเท่าใดนัก เพราะยิ่งมีอายุมาก ก็จะส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของบุตร แถมการที่เรามีเงินทองมากมาย แต่ไม่ได้มีแผนสำหรับการใช้จ่าย สุดท้ายเรื่องไม่คาดฝัน เช่น อุบัติเหตุ หรือโรคภัยไข้เจ็บ ทั้งของพ่อแม่ และของลูก อาจจะทำให้เดือดร้อนได้โดยไม่รู้ตัว
เพราะฉะนั้นแล้วไม่ว่าจะมีเงินเท่าไหร่ สิ่งที่สำคัญที่สุดของการมีลูกไม่ใช่การรอเพียงอย่างเดียว แต่คือการวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ และครอบคลุม เพื่อให้สามารถใช้จ่ายได้อย่างลงตัว มีความสุขกันทั้งครอบครัว ท้องนี้ไม่มีจนอย่างแน่นอน
วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าแนวทางการวางแผนการเงินสำหรับเจ้าตัวน้อยนั้น มีเรื่องอะไรกันบ้าง?
ตัดความฟุ่มเฟือย ลดสร้างหนี้ ลดความเสี่ยง
เมื่อตัดสินใจมีลูกแล้ว สิ่งที่เราต้องเสียสละเป็นประการแรกคือความสุขส่วนตัว เพราะฉะนั้นคำที่ว่า “ของมันต้องมี ของมันต้องเอฟ” ต้องทิ้งไปให้หมด เลือกใช้จ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น แถมหนี้สินที่มี ไม่ว่าจะนอกระบบ หรือในระบบต้องเคลียร์ให้เกลี้ยง ซึ่งการทำสิ่งเหล่านี้จะทำให้เรามีเงินเก็บมากขึ้นแน่นอนอย่าลืมนึกไว้เสมอล่ะว่าทั้งหมดนี้เพื่ออนาคตของลูก!
วางแผนค่าใช้จ่ายสำหรับการตั้งครรภ์
ต่อมาหลังจากเราเริ่มสร้างนิสัยการเงินที่ดีขึ้นแล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมตัวช่วงก่อนมีลูกก็คือค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์ ค่าคลอด และค่าใช้จ่ายทั่วไปสำหรับ 1 ปี เนื่องจากช่วงมีบุตรคุณแม่ก็คงทำงานได้ไม่เต็มร้อยใช่ไหมล่ะ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ก็อาจจะส่งผลโดยตรงต่อรายได้ภาพรวมของครอบครัว
โดยสิ่งที่จะทำให้การวางแผนนี้เป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้น เราก็ต้องเลือกให้แน่ชัดเลยว่าจะฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลไหน ใช้แพคเกจคลอดอะไร เพื่อที่จะได้ประเมินค่าใช้จ่ายและเงินที่ต้องเตรียมได้แบบเป๊ะๆ
วางแผนการศึกษา
ไม่มีอะไรจะอยู่คู่คนๆ หนึ่งได้นานเท่าความรู้ เพราะฉะนั้นแล้วหน้าที่สำคัญของคนเป็นพ่อเป็นแม่ คือการให้การศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับเจ้าตัวน้อยซึ่งการจะให้การศึกษาที่ดีกับลูกนั้นก็ต้องใช้เงิน แถมแต่ละช่วงวัยที่ลูกจะเข้าเรียน ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ชั้นอนุบาล ประถม มัธยม จวบจนมหาวิทยาลัย ก็ต้องมีเรื่องใช้จ่ายที่แตกต่างกันไป ฉะนั้น สิ่งที่สำคัญนอกจากการเตรียมเงินเก็บ คือการป้องกันความเสี่ยง โดยการเตรียมแผนการทำประกันชีวิตให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาทั้งหมดไว้ถือเป็นอีกวิธีที่ได้ผลดีมิใช่น้อย
สุขภาพของเจ้าตัวเล็กก็เป็นเรื่องสำคัญ
โรคภัยไข้เจ็บเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กเล็กๆ จะมีโอกาสที่จะเจ็บป่วยมากกว่าผู้ใหญ่ ฉะนั้นแล้วการทำประกันสุขภาพไว้กันเหนียวก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะเราจะไม่ต้องแบกค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่หากอยากได้หมอดีๆ รายจ่ายก็ยิ่งสูงเป็นเงาตามตัว
ต้องออมเงินให้ลูกด้วย
อันนี้อาจจะเป็นแผนระยะยาวสักหน่อย แต่หากคิดถึงวันที่ลูกน้อยจะไปมีชีวิตของตัวเอง การมีเงินเก็บเงินก้อนติดไม้ติดมือ ก็จะช่วยให้การเริ่มชีวิตที่ออกไปจากอ้อมอกคนเป็นพ่อแม่นั้นเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งเงินก้อนนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ในการเก็บหอมรอมริบให้คุณลูกเพียงฝ่ายเดียว แต่เราสามารถปลูกฝังนิสัยรักการออมให้ลูกง่ายๆ ด้วยการร่วมมือร่วมใจ ช่วยกันเก็บเงินคนละส่วนสองส่วนไปจนวันที่เขาเติบใหญ่ ซึ่งนอกจากลูกจะมีเงินของตัวเองไว้ใช้ในวันข้างหน้าแล้ว นี่จะยังช่วยสร้างนิสัยที่ดีซึ่งจะติดตัวลูกของเราไปอีกนานแสนนาน
อย่าลืมเงินเกษียณของตัวเอง
ทุ่มเทให้ลูกแล้วก็ต้องห้ามลืมการมีเงินไว้ใช้สำหรับวัยเกษียณของตัวเอง เพราะนี้ถือเป็นการแบ่งเบาภาระของลูกน้อยในวันที่เขาเติบใหญ่ เพราะสักวันลูกก็ต้องมีครอบครัว มีภาระหน้าที่ของตัวเอง ฉะนั้นแล้วการต้องมาคอยกังวลกับการเลี้ยงดูพ่อแม่ อาจจะส่งปัญหาให้เขาได้เหมือนกันหากเราเตรียมเงินส่วนของตัวเองไว้ให้พร้อม รับรองว่ามีความสุขอย่างถ้วนหน้าทั้งตัวเอง และลูกของเราเป็นแน่แท้
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เพื่อนๆ คงเห็นได้ชัดแล้วว่าสิ่งที่ต้องเตรียมตัวนั้นมีอยู่ไม่ใช่น้อย และการเริ่มวางแผน อีกทั้งการมีแผนการใช้จ่ายที่ดีนั้นจะส่งผลดีทั้งต่อตัวเรา และครอบครัวในระยะยาวมากขนาดไหน
สุดท้ายนี้ เราก็ขอเป็นอีกหนึ่งแรงใจให้คนที่ฝันอยากมีชีวิตครอบครัวอันสมบูรณ์ แม้จะมีอะไรให้คิดมากมาย แต่บอกได้เลยว่าเพื่ออีกชีวิตที่กำลังจะลืมตาขึ้นมา รับรองว่าเหนื่อยแค่ไหนก็คุ้มค่าอย่างแน่นอน
บทความ : MULA Learning
รูปประกอบ : MULA Learning