
21
Julyรู้หรือไม่ เราจ่ายค่าธรรมเนียมอะไรให้กับธนาคารบ้าง
เพื่อนๆ หลายคนคงคุ้นเคยกับการทำธุรกรรมต่าง ๆ กับธนาคารไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นการฝากเงิน ถอนเงิน ขอสินเชื่อ สมัครบัตรเครดิต หรือแม้แต่ทำประกันสุขภาพก็สามารถทำได้ที่ธนาคารเช่นกัน แต่ใช่ว่าธนาคารจะใจดีให้บริการเราอย่างฟรี ๆ แน่นอนว่าเราต้องเสียค่าบริการในรูปแบบต่าง ๆ รูปแบบหนึ่งที่เราคุ้นเคยก็คือ “ค่าธรรมเนียม” แต่เพื่อน ๆ เข้าใจค่าธรรมเนียมธนาคารดีขนาดไหนกันนะ วันนี้มูลาขอทบทวนความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับดอกเบี้ยธนาคารให้เพื่อน ๆ กันหน่อยมาดูกันเลย
ค่าธรรมเนียมธนาคารแบบต่าง ๆ ที่ควรรู้
มูลาขอแบ่งดอกเบี้ยธนาคารหรือค่าธรรมเนียมแบบกว้าง ๆ ให้เพื่อน ๆ ทำความเข้าใจดังนี้
- ค่ารักษาบัญชี
ข้อนี้เป็นค่าธรรมเนียมพื้นฐานที่เพื่อน ๆ ที่มีบัญชีธนาคารต้องคุ้นเคยอย่างแน่นอน การที่ธนาคารเปิดบัญชีธนาคารให้เราก็หวังว่าเราจะใช้บริการอื่น ๆ ของธนาคารนั้น ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ธนาคารได้มีรายได้จากการทำธุรกรรมต่าง ๆ แต่เพื่อน ๆ หลายคนเข้าใจว่า เปิดบัญชีธนาคารก็เปิดกี่บัญชีมากเท่าไหร่ก็ได้ จนหลงลืมว่ามีบัญชีของธนาคารอะไรบ้าง รู้ตัวอีกที ก็ได้รับจดหมายว่าต้องจ่ายค่ารักษาบัญชีประจำปีเสียแล้ว ค่ารักษาบัญชีนั้นก็แตกต่างกันไปตามแต่ละธนาคารจะกำหนด ตั้งแต่ 500 บาท จนไปถึงหลักพันบาทเลยทีเดียว และระยะเวลาที่เข้าเกณฑ์ คือ บัญชีที่ถูกทิ้งร้าง ไม่ทำอะไรเลย มากกว่า 1 ปี หรือบางที่ก็ 2 ปีทีเดียว
- ค่าถอนเงินผ่านตู้กดเอทีเอ็ม
เมื่อเรามีบัญชีธนาคารแล้ว ส่วนมากธนาคารก็จะให้เราสมัครบัตรเดบิต หรือบัตรเอทีเอ็มด้วยนั่นเอง เมื่อเราต้องการถอนเงินจำนวนไม่มาก การถอนเงินจากเครื่องกดเอทีเอ็มก็สะดวกไม่ใช่น้อย แต่ความสะดวกนี่แหละที่ต้องทำให้เราระวัง แต่ละธนาคารมีข้อกำหนดในการถอนเงินจากเครื่องเอทีเอ็มไม่เท่ากัน เป็นต้นว่า มีโควตาการถอนเงินต่างพื้นที่ ต่างธนาคาร ซึ่งถ้าหากเกิน ก็เตรียมเสียเงินคาธรรมเนียมอันนี้ให้ธนาคารผู้ดูแลบัญชีเราได้เลย
- ค่าธรรมเนียมเบิกเกินบัญชี
ข้อนี้สำหรับเพื่อน ๆ มีบัญชีเงินสดกระแสรายวัน สำหรับเพื่อน ๆ ที่เปิดบัญชีแบบนี้เพื่อธุรกิจหรือร้านค้า เราสามารถขอใช้วงเงินเกินบัญชี เพื่อเพิ่มสภาพคล่องหรือป้องกันปัญหาเช็คเด้ง ใช่ว่าเราจะขอใช้วงเงินแบบนี้และเฉพาะเงินต้นที่เกินมา แต่ว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยอีกด้วย เพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ ควรศึกษาเงื่อนไขของการใช้วงเงินเกินบัญชีให้ละเอียดรอบคอบกันนะ
- ค่าทำธุรกรรมในต่างประเทศ
บางครั้งเมื่อเราเดินทางไปต่างประเทศ เราก็พกเอาบัตรเดบิตหรือเครดิตไปใช้จ่ายที่โน่นด้วย และแน่นอนว่า ต้องมีค่าธรรมเนียมในการใช้ที่ต่างประเทศแน่นอน จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่บัตรที่เราใช้ และยังมีค่าแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับธนาคารที่เพื่อน ๆ ใช้บริการอยู่ได้เลย
- ค่าทำธุรกรรมอื่น ๆ
นอกจากนี้ยังมีค่าบริการเบ็ดเตล็ด ๆ ที่หลายคนหลงลืม และไม่ทราบรายละเอียดเท่าไหร่นัก เช่น ค่าขอใบแสดงรายการบัญชี ค่าอายัดเช็คหรือสมุดคู่ฝาก ค่าตรวจสอบรายการเช็คคืน ค่าขอตรวจสอบรายการย้อนหลัง ที่เพื่อน ๆ ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนใช้บริการใด ๆ ของธนาคารด้วยนะ
จัดการค่าธรรมเนียมธนาคารอย่างไรดี
อย่างที่บอกไป ค่าธรรมเนียมเป็นส่วนหนึ่งของรายได้ของธนาคาร เป็นหน้าที่ของเรา ๆ ที่ต้องเข้าใจค่าใช้จ่ายนั้น ๆ อย่างถี่ถ้วน อาจดูได้จากเอกสาร โบชัวร์ ที่ส่วนมากเป็นดอกจันเล็ก ๆ แสดงหมายเหตุหรือเงื่อนไขของค่าธรรมเนียม หรือหากไม่สะดวก อ่านไม่ถนัด เพื่อน ๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามที่สาขาธนาคาร หรือช่องทางการติดต่ออื่น ๆ ของธนาคาร เช่น คอลเซ็นเตอร์ หรือช่องทางออนไลน์ของธนาคารนั้น ๆ ก็ย่อมได้
นอกจากนี้ยังมีเคล็ดลับที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ จ่ายค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ให้น้อยลง มูลารวบรวมมาให้ดังนี้เลย
1. เลือกใช้บริการกับธนาคารที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ
ใช่ว่าในประเทศ จะมีธนาคารให้เราทำธุรกรรมเพียงแค่เจ้าเดียวเสียที่ไหน เราสามารถเลือกธนาคารที่เราต้องการใช้ได้ อาจจะดูจากธนาคารที่มีบริการครอบคลุม มีสาขาใกล้บ้าน มีค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ไม่สูงมาก หากธนาคารใดเก็บค่าธรรมเนียมในธุรกรรมหนึ่งมากเกินไป เราอาจสลับไปใช้อีกธนาคารเพื่อทำธุรกรรมนั้น ๆ หรืออาจจะดูธนาคารที่สามารถทำธุรกรรมผ่านทางแอป-พลิเคชันมือถือก็ย่อมได้ เพราะเดี๋ยวนี้การทำธุรกรรมในมือถือหลายอย่างก็สามารถทำได้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย เช่น การโอนเงินไปต่างธนาคาร หรือว่าการกดเอทีเอ็มโดยที่ไม่ใช้บัตรเอทีเอ็มก็ทำได้ง่าย ๆ เลยล่ะ
ในอินเตอร์เน็ตมีตารางเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมของแต่ละธนาคารให้เพื่อน ๆ เปรียบเทียบด้วยนะ ลองหาดูได้เลย
2. ตรวจเช็คบัญชีธนาคารของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
ในข้อนี้ เพื่อดูว่าเรามีคงเงินบัญชีเพียงพอหรือไม่ หรือบัญชีเรามีการเคลื่อนไหวอย่างน้อยตามที่ธนาคารกำหนดหรือเปล่า เพื่อที่จะไม่เสียค่าธรรมเนียมรักษาบัญชีในภายหลังอย่างไรล่ะ การที่เราตรวจบัญชีธนาคารอย่างสม่ำเสมอยังเป็นการทำให้เราสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง การเข้าออกของเงิน หรือความผิดปกติต่าง ๆ ได้ เผื่อเกิดความผิดพลาดหรือมีมิจฉาชีพอะไร เราจะได้เตรียมพร้อมอยู่เสมออย่างไรล่ะ
3. อ่านและทำความเข้าใจค่าธรรมเนียมของธนาคารอย่างเคร่งครัด
ข้อนี้สำคัญมาก เพราะแต่ละธนาคารมีเงื่อนไข และมีวิธีการเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่เท่ากัน ธนาคารหนึ่งอาจกำหนดว่าจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการกดตู้เอทีเอ็มต่างธนาคารจำนวนเงินเท่านี้ แต่อีกธนาคารอาจเก็บมากกว่าหรือไม่เก็บเลยก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้บริโภค เราไม่ต้องกังวลใจไป เพราะค่าธรรมเนียมธนาคารนั้นได้รับการกำกับดูแลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ให้มีเรทราคาที่สมเหตุสมผลนั่นเอง
ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเราไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมให้ธนาคาร ลองทำตามวิธีการที่มูลาเสนอวันนี้ดูนะ ประหยัดเงินได้แน่นอน
ที่มา:
https://www.bot.or.th/th/satang-story/rights-responsibility/savings-book.html
https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/now-and-then-financial