
5
Augustใช้ “เงินเย็น” ให้เกิดประโยชน์ ด้วยการลงทุนเหล่านี้
แม้การมี “เงินเก็บ” นั้นจะเป็นเรื่องที่ดี แต่เพื่อน ๆ รู้หรือไม่ว่า แท้ที่จริงแล้ว “เงิน” ที่มีอยู่ในมือนั้นจะเสื่อมมูลค่าลงทุกวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ สมัยก่อนเราซื้อก๋วยเตี๋ยวชามละ 30 บาทเองใช่ไหมล่ะ สมัยนี้อย่างต่ำก็ต้องราคา 50 บาทขึ้นไปแล้ว แถมปริมาณก๋วยเตี๋ยวที่เราได้อาจจะน้อยลงกว่าสมัยก่อนเสียด้วยซ้ำ
ฉะนั้นแล้วอย่าปล่อยให้เงินเก็บ หรือ “เงินเย็น” ของเราเสื่อมมูลค่า และนำมันมาเพิ่มพูนเงินในกระเป๋าให้มากขึ้นดีกว่า เพียงให้เงินทำงานแทนเรา และจัดสรรมันให้เกิดประโยชน์ ด้วยการลงทุนเหล่านี้
รู้จักกับเงินเย็นเสียก่อน
หากให้อธิบายง่าย ๆ เงินเย็นคือ “เงินเก็บ” ที่เราเก็บมันไว้เฉย ๆ นี่แหละ โดยส่วนใหญ่มันก็มักจะนอนนิ่ง ๆ อยู่ภายในบัญชีธนาคารของเรา ไม่มีเหตุจะต้องหยิบมันมาใช้ในเร็ววัน เงินเย็นของใครบางคนอาจจะอยู่ในธนาคารมาเป็นสิบปีแล้วก็เป็นได้
ทั้งนี้สิ่งที่เพื่อน ๆ ต้องแยกให้ออกก็คือ เงินเย็นนั้นจะ “แตกต่าง” กับเงินเก็บยามฉุกเฉินโดยสิ้นเชิง เพราะเงินเก็บยามฉุกเฉินถือเป็นเงินที่เราสำรองเอาไว้ใช้ในยามจำเป็นจริง ๆ ซึ่งเท่ากับว่าเรามีแผนที่จะใช้มันอยู่ดีนั่นแหละ แต่เจ้าเงินเย็นนั้นเราจะไม่หยิบมันมาใช้จ่ายกับอะไร ๆ ก็ตามนั่นเอง และด้วยความที่มัน “แน่นิ่ง” อยู่เฉย ๆ นี่แหละ ทำให้เจ้าเงินเย็นเป็นเงินที่ควรค่าแก่การนำมา “ลงทุน” เป็นที่สุด
ทำไมลงทุนด้วยเงินเย็นจึงดีกว่า?
โดยปกติแล้วเรานั้นไม่สามารถกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนของการลงทุนได้ว่าตัวเราจะได้กำไรตอบแทนกลับมาเมื่อไหร่ ซึ่งนั่นแปลว่าสิ่งที่ทุก ๆ การลงทุนเพื่อให้ได้กำไรมีเหมือนกัน ก็คือมันต้องการ “เวลา” อย่างมาก นั่นเอง ฉะนั้นแล้วนี่จึงเป็นข้อดีข้อเด่นของการลงทุนด้วยเงินเย็น เพราะมันจะทำให้เราได้เปรียบในเรื่องของระยะเวลาในการลงทุน เนื่องจากเราไม่มีแผนว่าจะใช้เงินส่วนนี้ในการทำอะไรทั้งสิ้น ทำให้เราสามารถลงทุนได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นในอนาคต เรียกได้ว่าลงทุนกันได้ยาว ๆ กินกำไรกับสบาย ๆ
เราควรเอาเงินเย็นไปลงทุนกับอะไรบ้าง?
และแล้วเราก็มาถึงไฮไลต์ที่เพื่อน ๆ รอคอย กับ 7 สุดยอดการลงทุนที่ครองใจผู้มีเงินเย็นมาโดยตลอด ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!
- การฝากประจำ
เงินฝากประจำถือเป็นการลงทุนความเสี่ยงต่ำที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะไม่มีความเสี่ยง แล้วยังได้รับดอกเบี้ยสูงด้วย ซึ่งบางครั้งอาจได้ตัวเลขดอกเบี้ยถึง 2 หลักกันเลยทีเดียวเชียวแหละ ซึ่งการลงทุนรูปแบบนี้ เป็นการฝากเงินกับธนาคาร แบบมีระยะเวลากำหนดที่แน่นอน ยิ่งระยะเวลาในการฝากนาน ยิ่งได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เงินฝากประจำ 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน 24 เดือน เมื่อครบระยะเวลาที่เลือกไว้ก็จะได้ดอกเบี้ยตามประกาศของธนาคาร แต่หากมีความจำเป็นต้องถอนเงินออกก่อนระยะเวลาที่กำหนดจะทำให้ผู้ฝากไม่ได้รับดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารแจ้งไว้นั่นเอง
- การลงทุนบนพันธบัตรรัฐบาล
พันธบัตรรัฐบาล (Government Bond) หรือบางที่ก็เรียกว่า ตราสารหนี้รัฐบาล เป็นตราสารหนี้ประเภทหนึ่งที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ โดยการที่เราก้าวเข้าไปลงทุนนั้น ก็จะทำให้เรามีสถานะเป็นเจ้าหนี้ของภาครัฐนั่นเอง พูดง่าย ๆ ก็คือ เอาเงินของเราไปให้รัฐบาลหมุนใช้นั่นแหละ ซึ่งการทำแบบนี้เราก็จะได้รับการชำระหนี้ และผลประโยชน์อื่น ๆ ตามมาจากลูกหนี้ซึ่งก็คือหน่วยงานที่ออกพันธบัตรนั้น ๆ เมื่อถึงเวลาที่กำหนด
จะเห็นได้ว่าการลงทุนในพันธบัตรนั้นไม่ใช่เรื่องซับซ้อนเหมือนการลงทุนแบบอื่นเลยใช่ไหมล่ะ แถมการที่ลูกหนี้ของเราเป็นหน่วยงานรัฐฯ ก็ทำให้หมดห่วงปัญหาการเบี้ยวหนี้ไปได้เลย นี่จึงเป็นอีกการลงทุนความเสี่ยงต่ำที่น่าสนใจมิใช่น้อย
- การลงทุนด้วยกองทุนรวม
อีกหนึ่งรูปแบบการลงทุนความเสี่ยงต่ำ ที่เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานด้านการลงทุนมาก่อน ซึ่งกองทุนรวม (Mutual Fund) คือ การระดมเงินลงทุนจากคนจำนวนมาก และนำไปจดทะเบียนให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล เพื่อตั้งเป็นกองทุนขึ้นมา โดยเงินที่ได้รับนั้นจะมี “ผู้จัดการกองทุน” ที่เป็นมืออาชีพ นำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ตามนโยบายของแต่ละกองทุน ให้ได้รับผลตอบแทนที่งอกเงย แล้วนำมาเฉลี่ยคืนให้กับผู้ลงทุนแต่ละรายตามสัดส่วนที่ลงทุนนั่นเอง พูดง่าย ๆ ก็คือให้คนอื่นเอาเงินเราไปเพิ่มมูลค่านั่นแหละ ที่สำคัญคือการลงทุนรูปบบนี้ใช้เงินทุนเริ่มต้นไม่มากเลย แค่มีเงิน 1,000 บาทก็สามารถลงทุนได้แล้ว น่าสนใจใช่ไหมล่ะ
- การลงทุนกับทองคำแท่ง
การลงทุนในทองคำแท่ง ถือเป็นอีกรูปแบบการลงทุนความเสี่ยงน้อยที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน เนื่องจากแร่มากมูลค่าชนิดนี้ถือเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลเนื่องจากหาซื้อได้ง่าย และขายได้คล่อง นั่นเอง ที่สำคัญการลงทุนในทองคำช่วยป้องกันผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อ และยังมีมูลค่าเพิ่มในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอีกด้วย
- การลงทุนคริปโต
สกุลเงินคริปโต (Cryptocurrency) นั้นถือเป็นรูปแบบการลงทุนที่มาแรงอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูงเกินจะจินตนาการในระยะเวลาอันสั้น ทั้งนี้หากเพื่อน ๆ มีเงินเย็นแล้วล่ะก็ การลงทุนรูปแบบนี้ก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย เพราะอาจจะทำให้เงินที่เพื่อน ๆ มีโตขึ้นเป็นสองเท่าภายในเวลาไม่กี่เดือน
แต่สิ่งที่เพื่อน ๆ ต้องพึงระวังจากตลาดคริปโตก็คือ อัตราความ “ผันผวน” ที่สูงลิบ สูงยิ่งกว่าหุ้นหลายเท่าตัวเสียอีก ฉะนั้นหากสนใจจะลงทุนประเภทนี้จริง ๆ แล้วล่ะก็ อย่าลืมศึกษาให้ละเอียดถี่ถ้วนเชียวล่ะ ไม่อย่างนั้นจะหมดตัวเอาได้ง่าย ๆ
- การลงทุนผ่านประกันชีวิตแบบออมทรัพย์
หลาย ๆ คนอาจจะมองข้ามการลงทุนกับประกันชีวิต ซึ่งเราบอกได้เลยว่าการลงทุนแบบนี้นั้นคุ้มมากทีเดียว เพราะนอกจากเราจะได้กำไรแล้ว ยังได้การคุ้มครองต่าง ๆ อีกด้วยนะ แต่สิ่งที่เพื่อน ๆ ต้องรู้ก็คือการออมทรัพย์ผ่านประกันชีวิตนั้นมีรูปแบบกรมธรรม์ที่เน้นผลตอบแทนมากกว่าการคุ้มครองนั่นเอง โดยจะเป็นการทำสัญญาระยะยาวซึ่งจะมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป เหมาะกับเพื่อน ๆ ที่ไม่ชอบความเสี่ยง มีเงินเย็น และคาดหวังจะได้รับผลตอบแทนก้อนโต โดยประกันรูปแบบนี้สามารถซื้อขายผ่านตัวแทนประกันชีวิตหรือผ่านธนาคารพาณิชย์ได้นะ
- ลงทุน กับ “ตัวเอง”
นี่ถือเป็นหนึ่งในการลงทุนที่สิ่งใครหลาย ๆ คนอาจจะมองข้ามไป ซึ่งผลลัพธ์ของมันนั้นสร้างคุณค่าแก่ตัวของเราเองอย่างมหาศาล เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนประเภทเดียวที่มีแต่ “ได้” กับ “ได้” เลยก็ว่าได้ เพราะการลงทุนทุกรูปแบบที่เรากล่าวมาข้างต้นนั้นล้วนมีความเสี่ยงทั้งสิ้น แต่การลงทุนกับตัวเองนั้นไม่มีความเสี่ยงเลยแม้แต่นิดเดียวนะจะบอกให้
ทั้งนี้ในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วยิ่งทำให้การลงทุนในตัวเองนั้นทวีคูณความสำคัญเข้าไปจากสมัยก่อน ๆ อีกหลายเท่าตัว เนื่องจากสามารถพัฒนาตัวเราเองให้ “รับมือ” กับเรื่องต่าง ๆ ได้อย่าง “รอบด้าน” และกระตุ้นโอกาสในการเติบโตในหน้าที่การงานนั่นเอง
โดยการลงทุนกับตัวเองนั้นมีหลากหลายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การลงทุนกับศึกษา จะต่อปริญญาตรี หรือปริญญาโทก็ว่ากันไป หรือแม้แต่การเรียนคอร์สสั้น เพิ่มทักษะเฉพาะทาง และการดูแลรักษาสุขภาพก็ถือเป็นอีกการลงทุนกับตัวเองที่สำคัญไม่แพ้กันนะ
หลังจากเพื่อน ๆ อ่านมาถึงตรงนี้ ก็คงได้รู้แล้วนะว่าการใช้ “เงินเย็น” ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และนำมันไปลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ นั้นจะสร้างผลดีกับตัวเราได้มากมายในระยะยาวแค่ไหน เพราะฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่เราจะหันมาสำรวจตัวเองอีกครั้งว่าเราเหมาะสมกับการลงทุนประเภทใดบ้าง รับความเสี่ยงได้แค่ไหน และอย่ารอช้า เริ่มหันมาลงทุนเพื่อให้ให้โอกาสเงินเย็นที่มีในมือได้เติบโตอย่างที่ควรจะเป็น
บทความ: MULA Learning
รูปประกอบ: MULA Learning