การค้นหาแบบครอบคลุมทั้งหมดยังไม่ได้เปิดใช้งาน
ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Blog entry by Anuntapong Chuen-im

รีไฟแนนซ์ดีจริงไหม เหมาะกับใครบ้าง

 เพื่อน ๆ หลายคนที่มีค่าใช้จ่ายรายเดือนสำหรับการผ่อนของที่จำเป็นอย่าง บ้าน หรือ รถยนต์ แม้ว่าการผ่อนชำระจะทำให้เราได้ครอบครองหรือใช้ประโยชน์จากของหล่านั้นโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีเงินก้อนครบถ้วนตามราคาเต็ม แต่การผ่อนชำระรายเดือนก็อาจจะเป็นความท้าทายของหลายครอบครัวอยู่ดี ดอกเบี้ยเอย หรือระยะเวลาการผ่อนที่นานเหลือเกินเอย ต่างก็ทำให้เรามีความกังวลในภาระหนี้สินเหล่านี้ อย่างไรก็ดี ทางออกอย่างการรีไฟแนนซ์ ก็เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการผ่อนชำระอยู่ไม่น้อย คำถามสำคัญก็คือ เราเข้าใจคำว่ารีไฟแนนซ์มากน้อยขนาดไหน และการทำรีไฟแนนซ์เหมาะกับเราจริง ๆ หรือไม่ วันนี้มูลาจะสรุปให้เพื่อน ๆ ได้อ่านในบทความนี้เลย

 

รีไฟแนนซ์คืออะไร

ตามคำนิยามจากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การรีไฟแนนซ์มีเพื่อประโยชน์แก่ลูกหนี้ในการผ่อนชำระ โดยมีรูปแบบดังนี้

  1. การเปลี่ยนเจ้าหนี้หรือการปิดหนี้จากเจ้าหนี้รายเดิมมาเป็นเจ้าหนี้รายใหม่
  2. การทำสัญญาใหม่กับเจ้าหนี้รายเดิมโดยมีเงื่อนไขที่ดีกว่า เช่น อัตราดอกเบี้ยถูกลง ทำให้ค่างวดที่ต้องจ่ายต่อเดือนลดลง หรือต้องการรวมหนี้จากเจ้าหนี้หลายรายมาเป็นเจ้าหนี้รายเดียว

นั่นหมายความว่าการรีไฟแนนซ์ไม่จำเป็นต้องทำโดยการเปลี่ยนเจ้าหนี้อย่างเดียวอย่างที่คนส่วนมากเข้าใจ ประเภทการผ่อนชำระที่นิยมทำรีไฟแนนซ์ เช่น การผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนหนี้สินส่วนบุคคล หรือกระทั่งผ่อนหนี้สินเพื่อการศึกษา สำหรับหลาย ๆ ประเทศที่มีหลักสูตรการศึกษาราคาแพง เป็นต้น

 

ตัวอย่างการรีไฟแนนซ์

หากจะให้เห็นภาพ ขอยกตัวอย่างการผ่อนบ้าน โดยสถานการณ์คือ บ้านมีมูลค่าที่ 2,000,000 บาท หนี้ก้อนเดิมมีเงื่อนไขดอกเบี้ยอยู่ที่ 5% ต่อปี ต้องผ่อนชำระเป็นระยะเวลา 15 ปี

ยอดผ่อนรายเดือนจะอยู่ที่ 15,791 บาท / เดือน

            หลักจากนั้น 5 ปี ลูกหนี้ตัดสินใจรีไฟแนนซ์ด้วยเงื่อนไขดอกเบี้ยอยู่ที่ 3% ต่อปี แทน เป็นระยะเวลา 15 ปี
            ยอดผ่อนรายเดือนจะอยู่ที่ 11,640 บาท / เดือน ประหยัดยอดรายเดือนได้ราว ๆ 4,000 บาทเลยทีเดียว

 

ทำไมถึงควรรีไฟแนนซ์

จากตัวอย่างข้างต้นที่กล่าวไป จะเห็นว่าการรีไฟแนนซ์มีประโยชน์ได้แก่

1. ลดยอดผ่อนชำระรายเดือน

การรีไฟแนนซ์นั่นโดยมากทำเพื่อนให้ได้เงื่อนไขดอกเบี้ยที่ถูกลงหรือขยายระยะเวลาการผ่อนชำระ จึงทำให้ยอดชำระรายเดือนลดลงนั่นเอง

2. ประหยัดดอกเบี้ย

ดอกเบี้ยที่ลดลงทำให้เราประหยัดยอดที่เหลือได้จนจบสัญญา เป็นผลให้เราต้องจ่ายเงินน้อยกว่าข้อตกลงแรก

3. รวบหนี้ไว้ที่เดียว

การรีไฟแนนซ์ยังถือเป็นการรวบหนี้หลายก้อนให้อยู่ในที่ที่เดียว เพื่อให้ลูกหนี้สามารถจัดการชำระได้ง่าย ไม่สับสน

 

ทำไมถึงไม่ควรรีไฟแนนซ์

เมื่อมีข้อดีแล้ว การรีไฟแนนซ์ยังมีข้อเสีย หรือข้อควรระวังดังนี้

1. ค่าใช้จ่ายแฝงในการทำรีไฟแนนซ์

การทำรีไฟแนนซ์มีค่าดำเนินการ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ลูกหนี้ควรรู้ได้แก่ ค่าจดจำนอง ค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ ค่าประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนเจ้าหนี้ การทำสัญญาใหม่ เป็นต้น เพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ ควรพิจารณาว่า ค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นใหม่เหล่านี้ ทำให้เราประหยัดได้ในระยะยาวจริงหรือไม่

2. ระยะเวลาการชำระหนี้ที่นานขึ้น

หลายคนเลือกชำระรายเดือนน้อยลง แลกกับระยะเวลาการเป็นหนี้ที่ยาวนานขึ้น เพื่อน ๆ ลองดูว่าสามารถยอมรับในข้อนี้ได้หรือไม่

 

อย่างไรก็ตาม เพื่อน ๆ สามารถสอบถามสถาบันการเงินเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมอย่างละเอียดในการตัดสินใจทำรีไฟแนนซ์ เชื่อว่าเมื่อเข้าใจคอนเซปของรีไฟแนนซ์ตามนี้แล้ว เพื่อน ๆ จะสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินของตัวเองนะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.investopedia.com/terms/r/refinance.asp#:~:text=A%20refinance%20occurs%20when%20the,business's%20credit%20and%20repayment%20status.

https://www.cnbc.com/select/pros-and-cons-of-refinancing-home/

https://www.setinvestnow.com/th/glossary/refinance?lang=en

https://www.cimbthai.com/th/personal/blog/financial-guru/refinance.html

https://www.moneybuffalo.in.th/debt/refinance

 

บทความ : MULA Learning
รูปประกอบ : MULA Learning

  • แชร์