การค้นหาแบบครอบคลุมทั้งหมดยังไม่ได้เปิดใช้งาน
ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Blog entry by 33dc3a9f-3429-40f0-8fc8-d04ea7cad623 Mula-X

เริ่มก่อนรวยก่อน! 6 วิธีจัดการเงินสำหรับเด็กจบใหม่

การเปลี่ยนผ่านจากวัยเรียน มาสู่วัยทำงานนั้นถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ในชีวิตเลยก็ว่าได้ นอกจากจะถึงเวลาทำงานหาเงินให้ตัวเองอย่างจริงจัง เรายังต้องดูแล จัดการกับเงินของเราด้วยตัวเองแบบ 100% อีกด้วย มูล่าขอบอกเลยว่า การดูแลเงินของตัวเราเองไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เท่าไหร่ เพราะไม่ว่าจะมีรายได้มากขนาดไหน ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่า เราจะสามารถมีเงินพอใช้ ดูแลตัวเองได้ เด็กจบใหม่หลายๆคนก็เลยอาจจะประสบปัญหาเรื่องเงินทุกสิ้นเดือนก็ได้

 

แต่เดี๋ยวก่อน ใช่ว่าเรานั้นจะหนีออกจากวงจรการใช้เงินแบบเดือนชนเดือนไม่ได้ เพราะมันยังมีเทคนิคหลายอย่างที่ทำให้เราสามารถบริหารการเงินได้อย่างเป๊ะปัง จะเป็นเด็กจบใหม่ก็ไม่ใช่ปัญหา

 

ว่าแต่เทคนิคเหล่านี้จะมีอะไรบ้าง เรามาดูกันได้เลย!

 

ออม อย่างน้อย” 5-10% ของเงินเดือน

นี่ถือเป็นวิธีการเริ่มแรกของคนอยากมีเงินก้อนเลย ควรต้องออมเงินอย่างน้อย 5-10% ของเงินเดือน และทำให้สม่ำเสมอด้วยล่ะ ไม่ใช่ว่าเดือนหนึ่งออม อีกเดือนไม่ออม เพราะถ้าอยากจัดการเรื่องการเงินได้ เราต้องห้ามมองข้ามวินัยทางการเงินเลยล่ะ

 

นอกจากนี้ หัวใจสำคัญของการทำให้การออมให้เห็นผล นั่นก็คือการเก็บเงินก่อนจะมีโอกาสใช้ เพราะถือเป็นการบังคับตัวเองตั้งแต่ต้น จะง่ายกว่าการเก็บเงินหลังจากใช้เป็นไหน ๆ เลยแหละ ถ้าเราวางแผนจะเก็บหลังใช้ รู้ตัวอีกที่ก็เผลอใช้เงินที่มีหมดไปซะแล้ว นอกจากนี้การเก็บเงินนั้น เราต้อง “เก็บ” มันจริง ๆ นะ ต้องห้ามเอาออกมาใช้เด็ดขาด

 

เรียนรู้ที่จะใช้จ่ายไม่เกินตัว

หลายต่อหลายคนกำลังเข้าใจผิดว่า การวางแผนการเงินจะทำให้เรานั้นไม่มีความสุขในชีวิต เพราะไม่ได้ใช้ชีวิตดั่งที่ควรจะเป็น แต่แท้ที่จริงแล้วเราสามารถ กินหรู กินอร่อยบ้างก็ได้ ใครมันจะกินข้าวกล่องฝีมือตัวเองทุกมื้อล่ะถูกไหม? แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ เราต้องเข้าใจเสียก่อนว่าเราทั้งหลายนั้นสามารถ “ฟุ่มเฟือย” แค่ไม่ให้มัน “เกินตัว” เท่านั้นเอง

 

หากให้มูล่าอธิบายแบบเข้าใจง่าย ๆ การฟุ่มเฟือยคือการใช้เงินเยอะๆไปกับของบางสิ่งบางอย่างนั่นแหละ เพียงแต่ถ้าเราฟุ่มเฟือยเดือนละครั้ง สองครั้ง มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร หากช่วยสร้างความสุขให้เรา แต่ถ้าเพื่อน ๆ ฟุ่มเฟือยบ่อย ๆ ซึ่งจะทำให้เข้าข่าย “การใช้เงินเกินตัว” จะนำมาซึ่งปัญหาใหญ่ระยะยาวเช่น “การเป็นหนี้” ยังไงล่ะ เห็นไหมว่าอันตรายใช่เล่นเลย

 

ไม่รีบมีหนี้ก่อนอายุ 30 ปี

เชื่อว่าทุก ๆ คนต่างก็มีความฝันที่จะมี “ของชิ้นใหญ่” เป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ อันแสนอบอุ่นจากเงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรง รถยนต์คันงามสักคันที่สามารถพาเรา และคนที่เรารักไปได้ทุกที่ หรือแม้แต่ที่ดินสักแปลงเพื่อไว้เป็นทรัพย์สมบัติติดตัวในวันข้างหน้า

 

แต่อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจไปเชี่ยวล่ะ เพราะว่าของชิ้นใหญ่เหล่านี้อาจจะสร้างความสุข และเติมเต็มส่วนที่เราขาดได้ก็จริง แต่อย่าลืมว่ามันจะกลายเป็น “หนี้” ที่ก้อนโตทันที ถ้าเพื่อน ๆ ยังสามารถทำงานไหวไปได้เรื่อย ๆ ก็อาจจะยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่มากนัก แต่หากวันหนึ่งเกิดเรื่องไม่คาดคิดที่ทำให้หาเงินได้ไม่เท่าเก่าล่ะ ระวังหนี้ก้อนใหญ่ก้อนนี้ จะกลายเป็นภาระกับเรา ท้ายที่สุดของหรือสินทรัพย์ในฝันที่อุตส่าห์ผ่อนมาตั้งนาน อาจจะโดน “ยึดคืน” ไปได้โดยไม่ทันตั้งตัว

 

ฉะนั้นแล้ว เพื่อป้องกันเหตุการณ์ข้างต้น มูล่าขอแนะนำว่า เราควรให้เวลาตัวเองทำงานเก็บเงินก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อของชิ้นใหญ่ และต้องกลายเป็นหนี้ สักหน่อย โดยเราไม่ควรเป็นหนี้ก่อนจะก้าวเข้าอายุ 30 ปี หากยังไม่มีความพร้อม เพื่อน ๆ ลองคิดดูนะ หากเพื่อน ๆ เรียนจบในวัย 22 ปี เราก็จะมีเวลาถึง 7 – 8 ปี ในการสร้างเนื้อ สร้างตัว พอเราตัดสินใจกู้ซื้อบ้าน ซื้อรถ เราก็ไม่ต้องเครียดมากนัก เพราะเรามีเงินออมไว้กันเหนียวมากพอตัวเลย

 

รู้จักหารายได้จากการลงทุน

อย่ามัวหักโหมทำงาน จนไม่ได้ศึกษาวิธีการหารายได้จากสินทรัพย์หรือการลงทุนรูปแบบ Passive Income ล่ะ

Passive Income คือการสร้างรายได้โดยที่เราไม่ต้องแรงทำงาน เราสามารถหาเงินเพิ่มได้โดยใช้สินทรัพย์ที่เรามีเป็นตัวช่วย เช่น นำเงินไปลงทุนให้กองทุนหุ้นปันผลต่างๆ หากใครสนใจ มูลาอยากขอให้ศึกษาวิธีการลงทุนหรือสร้าง Passive Income จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ อย่าไปลงทุนในสิ่งที่มีผลตอบแทนสูงจนน่าตกใจ โดยที่เราได้มีความรู้ความเข้าใจสิ่งนั้นเด็ดขาด เพราะเราไม่อยากเสี่ยงนำเงินที่ตั้งหน้าตั้งหามาได้ด้วยความยากลำบากไปลงทุนในสิ่งที่เราไม่รู้จักใช่มั้ยล่ะ

 

ไม่ใช้ชีวิตตามความคาดหวังของคนอื่น

เมื่อก้าวผ่านจากวัยเรียน เข้าสู่วัยทำงาน เรามักจะเจอความคาดหวังจากคนรอบข้างหรือคนในโซเชียลมีเดีย เช่น การกะเกณฑ์ความสำเร็จ ไว้ตามแต่ละช่วงอายุ เช่น อายุ 30 อายุ 40 ต้องมีนั่นนี่ แต่ทว่าสิ่งเหล่านั้นมันเป็นแค่ “ภาพมายา” เท่านั้น เพราะแท้ที่จริงแล้วชีวิตของเราแต่ละคนนั้นต้นทุนไม่เท่ากัน ต้องมามีเงิน มีทอง มีบ้าน มีรถ แบบคนอื่น ๆ เขาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ดังนั้นเราต้องเดินตามทางของเราเอง และรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เพื่อเป้าหมายอะไรในอนาคต นั่นก็เพียงพอแล้ว เลิกฟังคนอื่นไปได้เลย

 

อย่าลืม “ลงทุนกับตัวเอง”

สิ่งที่หลายต่อหลายคนซึ่งฝันอยากจะมีเงินถุงเงินถัง มีเงินมากมายในบัญชีธนาคาร มักนึกถึงเป็นอย่างแรกก็คือ การลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะการฝากประจำกับทางธนาคาร, การลงทุนบนพันธบัตรรัฐบาล, การลงทุนด้วยกองทุนรวม และการลงทุนด้วยทองคำ เป็นต้น แต่ทว่าการลงทุนเหล่านี้ล้วนแต่มี “ความเสี่ยง” ทั้งสิ้น

 

แล้วการลงทุนแบบไหนล่ะ? ที่เราจะมีแต่ “ได้” กับ “ได้”

คำตอบก็คือ... "การลงทุนในตัวเอง" นั่นเอง

 

การลงทุนในตัวเองนับเป็นอีกหนึ่งการ "ลงทุน" ที่สำคัญสำหรับการใช้ชีวิตในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยในยุคปัจจุบันนั้นมีแค่คนที่สามารถ “เปลี่ยน” หรือ “รับมือ” กับเรื่องต่าง ๆ ได้อย่าง “รอบด้าน” เท่านั้นที่จะเห็นโอกาสในการเติบโต ซึ่งหากตัวเรานั้นไม่เปลี่ยนตามยุคสมัยแล้วล่ะก็ ระวังจะตกยุคไม่รู้ตัว

 

เพราะฉะนั้นแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามารู้จักกับ วิธีลงทุน กับ “ตัวเอง” ที่ยังไงก็ไม่มีทางขาดทุนกันดีกว่า ทั้งนี้การลงทุนกับตัวเองนั้นก็จะมีมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การเรียนต่อปริญญาโท การเรียนคอร์สสั้น ๆ เพื่อเพิ่มทักษะเฉพาะทาง การลงทุนดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรง ซึ่งมูล่ารับรองได้เลยว่าการลงทุนกับตัวเองนั้นคุ้มค่าที่สุดแล้ว

 

ท้ายที่สุดนี้มูล่าก็ขอส่งกำลังใจให้น้อง ๆ ที่เพิ่งจบใหม่ทุก ๆ คนนะ แม้ชีวิตการทำงานอาจจะดูยากกว่าการเรียนหนังสือไปเสียบ้าง แต่มูล่าบอกได้เลยว่า หากน้อง ๆ รู้จักวางแผน และนำเทคนิคของมูลล่าไปใช้อย่างต่อเนื่อง รับรองว่าการบริหารเงินในวัยทำงานนั้นจะกลายเป็นเรื่องง่ายไปโดยไม่รู้ตัว

 

 

ที่มา : bangkokbiznews.com, jobsdb.com, set.or.th
เรียบเรียงโดย : MULA Learning
รูปประกอบ : MULA Learning

 

 

 

รับมูลาคอยน์เลย

  • แชร์