การค้นหาแบบครอบคลุมทั้งหมดยังไม่ได้เปิดใช้งาน
ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Blog entry by Anuntapong Chuen-im

เจาะลึก “สังคมไร้เงินสด” ดีร้ายอย่างไร... สายการเงินรุ่นใหม่ต้องรู้

เจาะลึก “สังคมไร้เงินสด” ดีร้ายอย่างไร... สายการเงินรุ่นใหม่ต้องรู้

ในโลกปัจจุบันนั้นเทคโนโลยี และนวัตกรรมประเภทต่าง ๆ ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราแทบจะทุกมิติเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง การทำงาน หรือแม้แต่การจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ซึ่งนั่นก็เป็นที่ชัดเจนเลยว่าเรื่องเกี่ยวกับ “การเงิน” นั้นได้รับอิทธิพลจากการเติบโตของเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน โดยการพัฒนาที่ว่าเหล่านี้กำลังชักนำสังคมของเราเข้าสู่ “สังคมไร้เงินสด” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

และด้วยการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ก็จะนำมาซึ่งคำถามที่ว่า แท้ที่จริงแล้วสังคมไร้เงินสดนั้นหมายถึงอะไร? แล้วจะส่งผลดี หรือผลร้ายต่อตัวเราแค่ไหน? วันนี้เรามีคำตอบมาให้คุณแล้ว

 

มารู้จักสังคมไร้เงินสดกันก่อน

คำว่า สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) นั้นบ่งบอกถึงสภาพสังคมที่ให้ “คุณค่า” หรือ “ความสำคัญ” ของสิ่งที่เราใช้กันทุกวันในชีวิตประจำวันอย่างเงินสด “น้อยลง” นั่นเอง ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือในสมัยก่อนเวลาเราจะออกจากบ้าน สิ่งที่ขาดไม่ได้ แต่ยุคในปัจจุบันที่ถูกจำกัดความว่า “ไร้เงินสด” นั้นได้ต่างจากภาพจำของเราไปแล้ว เพราะผู้คนไม่จำเป็นพกเงินสดออกจากบ้านอีกต่อไป โดยคนส่วนมากจะหันมาใช้จ่ายผ่านบัตรต่าง ๆ ที่ตัวเองมี เช่น บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือแม้แต่ Prompt Pay (พร้อมเพย์) และการสแกน QR Code ที่เราใช้กันทุก ๆ วันนี้ ก็นับเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไร้เงินสดด้วยนะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้เงินสดนั้นด้อยคุณค่าลงไป เพราะเราแห่กันมาใช้เทคโนโลยี หรือแอปฯ ทั้งหลายทำธุรกรรมทางการเงินแทนนั่นเอง และมันทำให้เศรษฐกิจนั้นไม่มีเงินสดเป็นตัวขับเคลื่อนเหมือนแต่ก่อนแล้ว

 

ข้อดี ข้อเสีย ของสังคมไร้เงินสด ที่ต้องรู้

แม้การมีอยู่ของสังคมเงินสดนั้นจะเข้ามาทำให้ชีวิตของเราง่ายกว่าที่เป็น และยังสามารถพัฒนาเศรษฐกิจให้ก้าวหน้า แต่ทว่าเทคโนโลยีทางการเงินแห่งโลกอนาคตเหล่านี้ก็ยังคงมีข้อเสียที่เราควรตระหนักรู้อยู่เช่นกัน ซึ่งหากเรามองข้ามสิ่งเหล่านี้ และใช้งานมันโดยไม่ระวังแล้วล่ะก็... อาจจะทำให้เราเสียหายไปหลายเลยทีเดียวเชียว ฉะนั้นแล้วหลังจากเพื่อน ๆ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะมารู้จัก ข้อดี ข้อเสีย ของสังคมไร้เงินสดกันได้แล้ว โดยแบ่งได้ดังนี้

  • ข้อดี
    • จ่ายเงินง่าย แค่ปลายนิ้ว
      สังคมไร้เงินสดนั้นถือเป็นการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาปัญหาของการใช้จ่ายแบบเงินสดโดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น บางครั้งเพื่อน ๆ ต้องการจะซื้อของสักชิ้น แต่ดันพกเงินสดมาไม่ครบเสียนี่ หากเป็นสมัยก่อน ทางแก้ทางเดียวของเพื่อน ๆ ก็คือต้องวิ่งไปกดเงินเพื่อมาใช้จ่ายใช่ไหมล่ะ ทั้งยุ่งยาก และเสียเวลา บางคนก็อาจจะเปลี่ยนใจไม่ซื้อของชิ้นนั้นไปเลยก็ได้ แต่แล้วด้วยการมาของพร้อมเพย์ นั่นก็ทำให้เพื่อน ๆ จะใช้จ่ายที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ไม่ลำบากอีกต่อไป เพียงมีมือถือ เปิดแอปพลิเคชัน สแกน QR Code แล้วก็กดโอน เท่านั้นก็เรียบร้อย ง่ายแสนง่าย
    • หมดปัญหา “เงินทอน”
      นอกจากความง่ายของการใช้จ่ายแล้ว อีกข้อดีที่ตามมาติด ๆ ก็คือการจัดการปัญหาเงินทอนอย่างหมดสิ้น ในอดีตเราอาจจะเคยหงุดหงิดที่พ่อค้า แม่ขาย ไม่มีเงินทอน ต้องลำบากไปหาแลกร้านนู้น ร้านนี้ แต่ทว่าเมื่อสังคมเงินสดค่อย ๆ ก้าวเข้ามา ปัญหาเหล่านี้ก็หายเป็นปลิดทิ้ง เพราะเพื่อน ๆ สามารถจ่ายเงินได้อย่างพอดีเป๊ะ โดยไม่ต้องแตกแบงค์ หรือนั่งคลำหาเหรียญอีกต่อไปแล้ว
    • เช็คยอดได้หมด ใช้จ่ายอะไรไปก็รู้ได้ ไม่ต้องจด
      การที่เราใช้จ่ายผ่านบัญชีโดยตรงนั้นจะทำให้เรารู้ทุกข้อมูลการเข้าออกของเงิน เพราะทุก ๆ แอปพลิเคชันของธนาคารต่าง ๆ จะต้องมีการบันทึกข้อมูลการใช้จ่าย ซึ่งนั่นแปลว่าเราเองไม่ต้องมานั่งนึก นั่งจำ นั่งจดแบบสมัยโบราณอีกต่อไปแล้ว บอกลาการทำรายรับรายจ่ายแบบดั้งเดิมไปได้เลย รับรองว่าการทำรายรับรายจ่ายยุค 4.0 นี้ทั้งง่ายขึ้น และละเอียดขึ้นอย่างแน่นอน
    • ลดต้นทุนการผลิตเหรียญ และธนบัตร
      แม้เรื่องนี้อาจจะดูไกลตัวเราไปเสียบ้าง แต่แท้ที่จริงแล้วค่าผลิตเหรียญ และธนบัตร ต่อปีนั้นคิดเป็นเงินมหาศาลเลยทีเดียว แถมปกติแล้วมันยังต้องผลิตเพิ่มทุกปีเพื่อใช้หมุนเวียนอีกด้วย ฉะนั้นหากเงินสดค่อย ๆ กลายเป็นเรื่องของอดีตไป ค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็จะลดลงอย่างมาก และนั่นทำให้เราสามารถนำเงินในส่วนนี้มาพัฒนาประเทศในด้านอื่น ๆ ได้เยอะเลยทีเดียว
    • ข้อเสีย
      • เน็ตฯ หมด ก็อดใช้เงิน
        การใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร หรือแม้แต่ระบบพร้อมเพย์นั้น จำเป็นต้องใช้ “อินเทอร์เน็ต” อยู่เสมอ แต่เราก็รู้กันใช่ไหมล่ะว่าอินเทอร์เน็ตประเทศไทยส่วนใหญ่นั้นสามวันดี สี่วันไข้ เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ ฉะนั้นแล้วอย่าลืมเตรียมเงินสดสักเล็กน้อยติดตัวไว้เสมอด้วยล่ะ กันไว้ดีกว่าแก้นะขอบอก
      • จ่ายง่าย จ่ายเร็ว ทำให้เสียงกระเป๋าแบน
        การที่สังคมไร้เงินสด นั้นมาพร้อมความสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องเสียรอ นั่นทำให้เวลาเราจะใช้จ่ายอะไรก็ตามก็จะรวดเร็วขึ้นไปด้วย เรียกได้ว่าพร้อมเพย์ พร้อมเปย์กันแบบไม่คิดหน้าคิดหลังเลยทีเดียวเชียว รู้ตัวอีกที เงินในบัญชีหายเกลี้ยง เพราะฉะนั้นแล้วจะใช้จ่ายอะไร ๆ บนโลกออนไลน์ ก็อย่ามือไวใจเร็วล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
      • ต้องใช้เวลาเรียนรู้ และเกิดความผิดพลาดได้ง่าย
        การใช้งานแอปพลิเคชันทั้งหลายอาจจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับวัยรุ่นอย่างเรา ๆ แต่ทว่าเรื่องนี้กลับกลายเป็นหนังคนละม้วนเลยหากเราไม่ได้เกิดในยุคที่สมาร์ทโฟน หรือแม้แต่คอมพิวเตอร์เป็นที่นิยม เพราะ และนั่นทำให้สำหรับผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่านแล้ว หากไม่มีลูก ๆ หลาน ๆ มาสอนให้ ก็เป็นเรื่องที่ยากพอสมควรที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเอง ต้องลองผิดลองถูกอยู่ก็หลายที เสี่ยงต่อการโอนเงินผิดบัญชีอีกด้วย
      • โดนขโมยเงินได้ง่ายขึ้น
        ถึงการที่ใช้จ่ายผ่านเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์จะทำให้เราสะดวกสบาย แถมยังไม่ต้องพกกระเป๋าสตางค์ หรือธนบัตรให้วุ่นวาย และเสี่ยงต่อการถูกฉกชิงวิ่งราวอีกด้วย แต่เอาเข้าจริงแล้ว แม้ว่าเพื่อน ๆ จะไม่ได้ถือกระเป๋าสตางค์ ไม่มีเงินสด ก็ใช่ว่าเหล่ามิจฉาชีพจะไม่สามารถ “ช่วงชิง” เงินไปจากเพื่อน ๆ ได้

        โดยเทคนิคการโจรกรรมผ่านโลกออนไลน์นั้นมีไม่น้อยเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นการแฮ็กระบบคอมพิวเตอร์ ทำเว็บไซต์หลอกลวง หรือสกิมมิ่ง หรือแม้แต่คอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินผ่านมือถือที่ก็เป็นเรื่องง่ายที่เหล่าโจรผู้ร้ายสามารถที่จะเอาเงินไปจากกระเป๋าเรานั้นเอง ฉะนั้นจะคลิกลิงก์อะไรก็ต้องระวังให้มาก ๆ ล่ะ เดี๋ยวจะโดนแฮ็กเงินไปโดยไม่รู้ตัว

 

มาถึงตรงนี้แล้ว เพื่อน ๆ ก็คงจะมองภาพของ “สังคมไร้เงินสด” ได้อย่างชัดเจน และรอบด้านกว่าแต่ก่อนอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นจะทำให้เพื่อน ๆ นั้นก้าวทันโลก และสามารถใช้ประโยชน์จากการเติบโตของเทคโนโลยีทางการเงินเหล่านี้ได้อย่างชาญฉลาด รู้เท่าทันทุกมิติ

 

บทความ: MULA Learning
รูปประกอบ: MULA Learning
 

  • แชร์