Global searching is not enabled.
Skip to main content

Blog entry by Anuntapong Chuen-im

รู้หรือไม่ ความจนนั้นแพงกว่าที่เราคิด

รู้หรือไม่ ความจนนั้นแพงกว่าที่เราคิด

 

              ความจนไม่ใช่สิ่งที่เราอยากมี หรืออยากเป็นกันหรอกนะ  แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจ หรือการแข่งขันในประเทศที่สูงขึ้น ทำให้คนจน หรือผู้ที่มีรายได้น้อยนั้นต้องลำบากกว่าเดิมเสียอีก ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ขยัน แต่บางที ขยันไปก็อาจไม่ช่วยขยับฐานะของพวกเขาเหล่านั้นให้ดีขึ้นได้ ของบางอย่างแทนที่คนจนจะจ่ายได้ในราคาถูก บางครั้งต้องจ่ายราคาแพงกว่าคนทั่วไปเสียอีก วันนี้มูลาขอพาดูสาเหตุว่าทำไมความจนถึงมีราคาแพง และยิ่งซ้ำเติมให้ผู้มีรายได้น้อยต้องขวนขวายมากกว่าเดิม

 

  1. เรื่องอาหารการกิน

ข้อนี้อาจฟังดูแปลก ๆ ไปเสียหน่อย ทำไมถึงเป็นเรื่องอาหารที่มีราคาแพงเสียได้ หากสังเกตดูดี ๆ อาหารของผู้มีรายได้น้อยมักเป็นอาหารที่มีสารอาหารไม่ครบถ้วนมากนัก เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ไข่ไก่ ซึ่งฟองหนึ่งอาจต้องแบ่งกันรับประทานกันมากกว่า 1 คนก็เป็นไปได้ อาหารที่เต็มไปด้วยแป้งหรือน้ำมัน อาหารที่มีสารอาหารจำเป็นไม่ครบถ้วน ขนมกรุบกรอบหรือขนมหวาน สาเหตุเป็นเพราะอะไรน่ะหรอ ก็เพราะอาหารที่ดี มีสารอาหารครบถ้วนมักมีราคาสูงกว่านั่นเอง ครั้นจะต้องหาเวลา หรือหาเงินไปซื้ออาหารเหล่านั้น พวกเขาอาจเลือกเอาเวลาไปหาเงินเสียดีกว่า

ความแพงอีกอย่างที่มูลาพูดถึง คือ ราคาที่ต้องจ่ายถ้าเทียบกับสุขภาพของพวกเขานั่นเอง ถึงแม้อาหารที่พูดมาจะหาซื้อได้ในราคาไม่แพง แต่หากต้องทานแบบนี้ไปนาน ๆ เท่ากับว่ามีโอกาสขาดสารอาหารได้ หรือมีความเสี่ยงการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคไต ในกรณีที่ทานอาหารที่มีโซเดียมเยอะ ๆ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือขนมกรุบกรอบต่าง ๆ อาหารที่ไม่มีคุณภาพยังส่งผลให้พวกเขาทำงานได้อย่างไม่เต็มที่ กระทบต่อรายได้ได้อีกด้วย

 

  1. เรื่องการศึกษา

ถึงแม้ว่า ภาครัฐจะมีโครงการให้เรียนฟรีจนจบม.3 ก็ใช่ว่าทุกคนจะได้มีโอกาสเรียน เพราะอาจต้องออกมาช่วยที่บ้านหาเงิน ครั้นจะเข้าเรียน ก็ยังไม่วายเจอค่าใช้จ่ายจิปาถะอย่างอื่น ที่อาจทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองต้องหนักใจ เกิดสมมติว่า เด็ก ๆ ในครอบครัวที่แร้นแค้นได้เข้าเรียนจริง ๆ บอกเลยว่าน้อยรายมากที่จะได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีคุณภาพ มีบุคลากรและอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของเด็กจริง ๆ อีกทั้งการจะเรียนสูง ๆ อาจจะต้องใช้เงิน หรือทรัพยากรอื่น ๆ อีก เช่น การติวสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ แล้ว จะมีผู้ปกครองรายได้น้อยมากขนาดไหนที่พร้อมจะส่งลูกเข้าเรียนในระบบ

ความแพงในข้อนี้ นอกจากจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนแล้ว ยังเป็นเรื่องของอนาคตเด็กอีกด้วย ด้วยสถานะทางการเงินที่ไม่ดีนัก อนาคตที่ดีผ่านการศึกษาจึงเป็นค่าใช้จ่ายราคาแพงเหลือเกินที่พ่อแม่บางท่านอาจรับไม่ไหว นี่เท่ากับว่า การขยับฐานะของเด็ก ๆ ผ่านการศึกษาที่ดีมีราคาที่ต้องจ่ายไม่น้อยเลยล่ะ

 

  1. เรื่องการเดินทาง

การเดินทางเป็นค่าใช้จ่ายสำคัญอย่างหนึ่งที่ไม่ว่าจะมีฐานะดีหรือไม่ก็ต้องจ่ายกันทั้งนั้น สำหรับผู้มีรายได้น้อยนั้น หลายคนต้องอาศัยในที่พักทีห่างไกลขนส่งสาธารณะ หรือห่างไกลตัวเมือง จะเดินทางแต่ละทีต้องเตรียมเวลาล่วงหน้ามาก ๆ หรือต้องจ่ายเงินแพงกว่าคนอื่น ๆ นั่นเอง ด้วยจำนวนเงินที่จำกัด ผู้มีรายได้น้อยมีทางเลือกในการเดินทางน้อยกว่าคนอื่นแน่ ๆ บางครั้งทำให้การเดินทางเต็มไปด้วยความยากลำบาก หรือเกิดเหตุความไม่ปลอดภัยก็เป็นได้ เช่น เบียดเสียดบนรถเมล์ หรือป้ายรถเมล์ เป็นต้น

ความแพงในข้อนี้ นอกจากเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเป็นเรื่องของการเสียเวลาที่สามารถนำไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ได้ ยกตัวอย่างเช่น คนทั่วไปใช้เวลาเดินทางไปกลับที่ทำงาน 1 ชั่วโมง แค่ผู้มีรายได้น้อยต้องเวลามากกว่าเป็น 2 ชั่วโมง แทนที่จะได้เอาเวลานั้นไปทำประโยชน์ให้ตัวเอง เช่น การหารายได้เสริม หรือเอาเวลาไปพักผ่อน ก็ต้องเอาเวลาไปใช้ในการเดินทางเสียอย่างนั้น ยิ่งถ้าเป็นเมืองใหญ่ด้วยแล้ว ต้องเบียดเสียดกับคนอื่นขนาดไหนกันนะ

 

  1. เรื่องการเงิน

การมีเงินว่ายากแล้ว การจัดการการเงินนั้นยากกว่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ผู้มีรายได้น้อยบางคนไม่มีบัญชีธนาคารของตัวเองด้วยซ้ำ เพราะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร หรือไม่เข้าใจความสำคัญของมัน การจัดการการเงินให้ดีนั้นต้องศึกษา เรียนรู้ หรือลองผิดลองถูกกับมัน แต่จะมีผู้มีรายได้น้อยซักกี่คนที่มีโอกาสเรียนรู้หลักการ หรือวิธีการทำเงินให้งองเงยขึ้นมาจริง ๆ ถ้าจะพูดถึงแหล่งการเงินนั้น เรา ๆ หลายคนสามารถไปสถาบันทางการเงินต่าง ๆ เช่น ธนาคาร เพื่อขอทำเงินกู้ แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยผู้กู้มีประวัติที่ดี หรือมีสินทรัพย์ทางการเงินที่แลกเปลี่ยนได้ หรือถ้าเป็นบริษัทปล่อยเงินกู้ ส่วนมากก็ต้องใช้รถ หรือบ้านที่เป็นเครื่องมือในการทำงานของพวกเขาในการขอกู้เสียอีก นั่นทำให้ผู้มีหลายได้น้อยต้องหันหน้าไปพึ่งเงินกู้ผิดกฎหมายที่มาดอกเบี้ยแพงหูฉี่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  และทำให้พวกเขาต้องจ่ายดอกเบี้ยในราคาที่แพงเกินไปเสียด้วย

 

เข้าใจอย่างนี้แล้ว เราจึงไม่สามารถมองคนจนว่าจนเพราะขี้เกียจได้อีกต่อไป แต่พวกเขามีราคาที่ต้องจ่ายมากจริง ๆ ความเห็นอกเห็นใจจึงเป็นสิ่งที่เราหยิบยื่นให้พวกเขา หรือถ้าเป็นไปได้ ถ้าเราสามารถแนะนำวิถีทางการเงินให้พวกเขาได้ ก็เป็นเรื่องดีมาก ๆ เลยล่ะ

 

บทความ: MULA Learning
รูปประกอบ: MULA Learning

  • Share