ปัญหาเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องไกลตัวของเราแม้แต่น้อย เพราะทุก ๆ วันในการใช้ชีวิต เราก็ต้องใช้เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเสมอ ไม่ว่าจะจ่ายค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าอยู่ หรือแม้แต่ซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ มาสวมใส่ แต่รู้ไหมว่าคนไทยส่วนใหญ่นั้นกลับพูดคุยเรื่องสถานะทางการเงินกับครอบครัวของตัวเองน้อยเอามาก ๆ

ไม่ว่าจะทั้งจากทางฝั่งคุณพ่อ - คุณแม่ ที่ไม่ค่อยพูดคุยกับคุณลูก ๆ ในเรื่องนี้สักเท่าไหร่ หรือแม้แต่คู่สมรสหลาย ๆ คู่เองก็ไม่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้ต่อกัน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์เลยก็ว่าได้! เพราะมันจะนำมาซึ่งปัญหาเรื้อรังในระยะยาวที่เรายากจะจินตนาการถึง

แต่เอ๊ะ!? ทำไมการไม่คุยกันเรื่องเงินถึงสร้างปัญหาได้ล่ะ? แล้วการเปิดอกคุยกันเรื่องนี้นั้นดีกว่าอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาให้เพื่อน ๆ แล้ว

ทำไมต้องพูดเรื่องเงินกับคนในครอบครัว?

เมื่อเราก้าวเข้ามาเป็น “ครอบครัว” หรือตกลงปลงใจที่จะใช้ชีวิตคู่ด้วยกันแล้ว เรื่องการเงินในกระเป๋านั้นก็ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่จะส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของทุก ๆ คนในครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็เหมือนดังที่เราได้อธิบายไว้ข้างต้นว่าทุก ๆ คนต้องใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวันอยู่แล้วถูกไหมล่ะ? ซึ่งในบางครั้งเราก็อาจจะบังเอิญมีปัญหา หรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์บางอย่างที่จะเข้ามาทำให้เงินที่เรามีนั้นหดหายลงไปได้ เช่น อุบัติเหตุ อาการเจ็บไข้ได้ป่วย การถูกลดชั่วโมงการทำงาน หรือการถูกเลิกจ้างงาน เป็นต้น

ทั้งนี้หากเพื่อน ๆ ประสบปัญหาข้างต้น แต่กลับเก็บเรื่องดังกล่าวเอาไว้ใจในคนเดียวไม่บอกใคร นอกจากเพื่อน ๆ จะต้องจมอยู่กับ “ความเครียด” ที่หนักหนาเอาการแล้ว คนในครอบครัวของเพื่อน ๆ เองก็อาจจะรู้สึกแปลกใจ หรือน้อยใจ หากจู่ ๆ สิ่งที่เขาเหล่านั้นเคยได้รับกลับหายไป โดยไม่รู้ที่มาที่ไปอย่างชัดเจน

ยกตัวอย่างเช่น คุณพ่อกำลังประสบปัญหาเรื่องรายได้ เนื่องจากสภาวะ COVID-19 ทำให้ทำงานได้น้อยชั่วโมงลง ส่งผลให้ต้องลดค่าใช้จ่ายบางประการในบ้าน แต่หากคุณพ่อไม่เล่าเรื่องนี้ให้ทั้งคุณแม่ และคุณลูกฟัง แล้วแอบหักค่าขนม หรืองดพาคุณลูกไปกินข้าวนอกบ้านเหมือนที่เคยทำในทุก ๆ เดือน คุณลูกก็จะรู้สึกว่าคุณพ่อนั้น “เปลี่ยนแปลงไป” และอาจจะคิดไปต่าง ๆ นานา ได้ ทั้งนี้ก็เพราะเขาไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงของเรื่องนี้นั่นเอง

ฉะนั้นนั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราขอย้ำเตือนอีกครั้งเลยว่าเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ นั้นต้องคุยกันก่อนที่จะเกิดปัญหาบานปลาย ซึ่งรับรองได้เลยว่าหากเพื่อน ๆ ลองคุยกันให้ชัดเจนกับสมาชิกในครอบครัว ทำการตกลง และปรึกษากันว่าแต่ละเดือนว่าสถานะรายรับเป็นอย่างไร แล้วจะต้องจ่ายอะไรบ้าง ใครจะรับผิดชอบส่วนไหน นั่นก็จะช่วยให้ทุก ๆ อย่างดีขึ้นได้นั่นเอง โดยข้อดีของการพูดเรื่องเงินกับคนในครอบครัวนั้น มีดังนี้

พูดเรื่องเงินแล้วมีข้อดีอะไรบ้าง?

ครอบครัวเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น

โอกาสที่จะเกิดความขัดแย้งกันในครอบครัวเนื่องจากความเข้าใจผิดต่าง ๆ นั้นจะน้อยลงอย่างมาก หากทุกคนในครอบครัวนั้นมองเห็น “ภาพ” เดียวกัน ซึ่งในที่นี้ก็คือเรื่องเงินนั่นเอง ดังนั้นอย่าลืมหาเวลาสั้น ๆ พูดคุยเรื่องการเงินของครอบครัวเป็นประจำ คอยอัปเดตความเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ รับรองว่าครอบครัวเป็นปึกแผ่นกว่าเดิมแน่นอน

มีแรงสนับสนุนในการต่อสู้กับปัญหาทางการเงิน

นอกเหนือจากความเข้าใจกันแล้ว การที่ทุก ๆ คนในบ้านนั้นรับรู้ถึง “ปัญหา” ที่คนในครอบครัวกำลังเผชิญ นั้นจะทำให้เกิดการ “ให้กำลังใจ” กันขึ้น เพราะเราไม่ได้สู้ด้วยตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว แต่คนในครอบครัวทั้งหมดนั้นเข้าใจ และพร้อมเดินหน้าไปด่วยกันกับเรา ซึ่งเปรียบเสมือนพลังงานชั้นดีที่ทำให้หัวหน้าครอบครัวอย่างเรา ๆ นั้นกล้าฟันฝ่าปัญหามากมายตรงหน้าไปได้นั่นเอง เมื่อมีไฟ อะไรก็ดี!

นอกจากนี้เมื่อทุกคนรู้ว่ามีปัญหาด้านค่าใช้จ่าย และต้องระมัดระวังการใช้เงิน นั่นก็จะยิ่งทำให้เราสามารถอดออมได้มากขึ้นโดยไม่มีความน้อยอกน้อยใจตามมาอีกด้วย! สุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ นี่แหละ การคุยกันให้เคลียร์นั้นดีแบบนี้นี่เอง

ได้รับมุมมอง หรือแนวคิดใหม่ ๆ ในการจัดการการเงิน

บางครั้งการที่เราคิดคนเดียว แก้ไขปัญหาคนเดียว เราก็จะเลือกใช้แต่วิธีการเดิม ๆ ที่เราคุ้นชิน ซึ่งบางวิธีก็ได้ผลดีอยู่หรอก แต่บางวิธีก็อาจจะกำลังทำให้เราเหนื่อยเปล่าอยู่ก็เป็นได้ แต่ในทางกลับกัน หากเราปรึกษา หรือพูดคุยเรื่องนี้กับคนที่บ้าน บางครั้งคุณสามี คุณภรรยา หรือแม้แต่ลูกน้อยของเรา อาจจะมีไอเดียอะไรเจ๋ง ๆ ในการจัดการปัญหาที่เราเผชิญก็เป็นได้! เด็กสมัยนี้เก่งจะตายไป

ทั้งนี้เรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้เพียงแค่เรากล้าพูดเท่านั้น ซึ่งนอกจากเราจะไม่ต้องปวดหัวตัวคนเดียวเหมือนแต่ก่อน เราอาจจะมีแนวทางการรับมือปัญหาที่ดีขึ้นอีกด้วยนะ

มาถึงตรงนี้แล้ว เพื่อน ๆ ก็คงเห็นถึงสาเหตุ และข้อดีของการเปิดอก เปิดใจ คุยเรื่องการเงินกับคนใกล้ตัวมากขึ้นแล้วเป็นแน่แท้ แม้จะฟังดูเป็นเรื่องยากในตอนต้น ก็คนมันไม่เคยถูกไหมล่ะ แต่เรารับรองเลยว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เกินความสามารถของเราอย่างแน่นอน ท้ายที่สุดนี้เราขอเป็นกำลังใจให้เพื่อน ๆ พูดคุยกันในครอบครัวมากยิ่งขึ้นนะ รับรองได้เลยว่าจะมีแต่เรื่องดี ๆ ตามมาอย่างไม่ขาดสาย