เราทั้งหลายต่างรู้ดีกว่า สภาวะเศรษฐกิจบ้านเราในปัจจุบันทำให้การใช้เงินแบบเดือนชนเดือนจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อีกต่อไป เนื่องจากค่าครองชีพที่แพงหูฉี่ ไหนจะชานมไข่มุกแก้วโปรด ไหนจะของใช้ส่วนตัว ค่าหมูก็ขึ้น ค่าข้าวก็แพง แถมยังมีค่าเดินทาง ค่าหอพัก และค่าใช้จ่ายจิปาถะอีกมากมายหลายรายการ เรียกได้ว่ามอง ๆ ดูแล้วแทบจะไม่มีหนทางที่จะหลุดจากวังวนการใช้จ่ายแบบเดือนชนเดือนเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนี่เองเป็นสาเหตุที่ทำให้การมีงานประจำที่เรา ๆ ทำ ๆ อยู่เพียงงานเดียวนั้น อาจจะไม่ใช่คำตอบของการมีเงินพอใช้อีกต่อไป

แล้วเราจะทำอย่างไรเมื่อเงินที่หาได้ไม่พอใช้ดีล่ะ? คำตอบก็คือ “การหาเงินเพิ่ม” นั่นเอง วันนี้เราได้รวบรวมเทคนิคสุดปังมาให้คุณแล้ว ไปดูกันเลย!

วิธีที่ 1 : งานขายต้องมา! สวมบทเป็นพ่อค้า – แม่ค้าออนไลน์ ในเวลาว่าง

สำหรับใครหลาย ๆ คนที่ฝันอยากเป็นเจ้าของกิจการ การเริ่มต้นเดินสายเป็นพ่อค้า – แม่ค้าออนไลน์ ถือเป็นวิธีที่ดีมาก ๆ เพราะนอกจากจะทำเวลาไหนก็ได้ตามที่ตัวเราเองสะดวกแล้ว ยังประหยัดเงินลงทุนมากกว่าการขายในตลาดแบบสมัยก่อนเยอะเลยทีเดียว เพราะค่าเช่าที่ก็ไม่ต้องเสีย ไม่ต้องไปนั่งตากแดดตากลมขายให้เหนื่อย มีแค่สมาร์ทโฟนเครื่องเดียวก็เริ่มกิจการได้

ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือการค้าขายออนไลน์นั้นไม่ใช่เรื่องของการ “มีทุน” หนากว่า แต่เป็นเรื่องของไอเดีย หรือการหยิบจับสิ่งที่คนอยากซื้อมาขายนั้นเอง เพราะแม้บางคนอาจจะไม่มีเงินทุนในการซื้อของมาตุนเอาไว้ก็ตาม แต่ทว่าการค้าขายในโลกออนไลน์ก็ยังมีวิธีแบบ “พรีออเดอร์” หรือก็คือ ให้ลูกค้ามาสั่งกับเราก่อน แล้วเราค่อยไปหาของมาให้เขาอีกที เห็นไหมล่ะ เริ่ดมากเลยขอบอก

วิธีที่ 2 : ยุค 5G แบบนี้ ลองรับจ้างทำงานผ่านทางออนไลน์ดูสิ

บอกได้เลยว่าพื้นที่ออนไลน์เป็นพื้นที่ของโอกาสอย่างแท้จริง เพราะมีคนมากมายรอจ้างงานเราอยู่เต็มไปหมด ซึ่งวิธีสร้างรายได้จากโลกดิจิทัลก็มีหลากหลายวิธี เช่น การรับจ้างเขียนบทความ รับจ้างถ่ายรูป รับจ้างวาดภาพ เป็นต้น ถ้าทำได้ดี เผลอ ๆ รายรับอาจจะแซงงานประจำก็เป็นได้

วิธีที่ 3 : งานพาร์ทไทม์แบบดั้งเดิมก็ยังปังอยู่

คนยุคใหม่หลายต่อหลายคนอาจจะมองแค่การทำงานพิเศษแบบออนไลน์ เพราะทั้งง่าย และสะดวก แต่ในความเป็นจริงแล้วตลาดการทำงานแบบออฟไลน์ก็ยังคงต้องการคนทำงานแบบชั่วคราวอยู่เช่นกัน ซึ่งคนที่มีเวลาว่างที่แน่นอน เช่น เสาร์-อาทิตย์ หรือเลิกงานตรงเวลา และมองว่างานหลักไม่หนักเกินไป การทำงานพาร์ทไทม์ คืออีกทางเลือกที่ดีเลยแหละ ซึ่งตัวอย่างของงานพาร์ทไทม์ นั้นได้แก่ พนักงานตามคาเฟ่ – ร้านกาแฟ, เป็นแคชเชียร์ตามห้างสรรพสินค้า รับจ้างแต่งหน้า รับจ้างถ่ายภาพ เป็นต้น

ข้อสำคัญของงานพาร์ทไทม์ก็คือ เราอาจจะได้ทักษะ หรือประสบการณ์บางอย่าง เพื่อทำมาต่อยอดกับงานที่ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปได้ด้วย

วิธีที่ 4 : ลองทำเพจของตัวเองดูก็ไม่เสียหาย

หากเราเป็นคนที่มีทักษะพิเศษ มีลีลาการพูดที่เป็นเอกลักษณ์ หรือแม้แต่มีงานอดิเรก และความชอบที่น่าสนใจ การลองเปิดเพจเพื่อบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ ถือเป็นอีกโอกาสที่จะสร้างรายได้ให้กับเราไม่วันได้ก็วันหนึ่ง ซึ่งทั้งยูทูปเบอร์ และการรับรีวิวสินค้า ถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่กำลังมาแรงมาก ๆ เลยทีเดียว ซึ่งไหน ๆ เราก็อยากหาเงินเพิ่มอยู่แล้ว ทำไมไม่ลองทำดูสักตั้งล่ะ!

วิธีที่ 5 : ลองลงทุนความเสี่ยงต่ำดูบ้าง

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ฝันอยากมีเงินก้อนโต นอกจากวิธีการสุดคลาสสิกอย่างการประหยัดการใช้จ่าย และการเก็บหอมรอมริบแล้ว อีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยให้คุณไปถึงฝั่งฝันโดยไม่เจ็บเนื้อเจ็บตัวจากความเป็นมือใหม่หัดรวย ทั้งยังไม่ต้องออกจากงานประจำ และแถมยังใช้ระยะเวลาไม่นานมากนักก็คือ ‘การลงทุนความเสี่ยงต่ำ’ ซึ่งบอกได้เลยว่าถูกใจคนงบน้อยเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการลงทุนที่ช้า แต่ชัวร์ ซึ่งการลงทุนประเภทนี้ก็จะมีทั้ง การฝากประจำกับทางธนาคาร, การลงทุนบนพันธบัตรรัฐบาล, การลงทุนด้วยกองทุนรวม และการลงทุนด้วยทองคำเป็นต้น

แต่ทั้งนี้ข้อควรระวังก็คือ ต้องศึกษาให้ดีก่อนการลงทุนนะจ๊ะ

วิธีที่ 6 : ปล่อยบ้านหรือห้องว่างให้เช่าผ่าน Airbnb

เพื่อน ๆ นั้นมี “ห้องว่าง” ที่ไม่ได้ใช้งาน ไม่ว่าจะในอพาร์ทเมนต์หรือบ้านของคุณหรือไม่? หากมีแล้วล่ะก็... นี่ถือเป็นอีกแหล่งรายได้ชั้นดีเลยก็ว่าได้ เพียงแค่เพื่อน ๆ นำห้องที่ว่างเหล่านั้นไปสร้างรายได้ด้วยการปล่อยเช่าบนเว็บไซต์ของ Airbnb ซึ่งเป็นบริการใช้เช่าห้องยอดนิยมลำดับโลก

แต่เดี๋ยวก่อน! หากเพื่อน ๆ กลัวเรื่อง “อันตราย” ที่จะตามมาแล้วล่ะก็... เราขอบอกได้เลยว่าเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะ Airbnb นั้นมีกฎที่เข้มงวดอย่างมาก แถมเข้ายังให้สิทธิ์เจ้าของห้องอย่างเรา ๆ สามารถตั้งกฎเกณฑ์เกี่ยวกับห้องเช่าของเราได้อย่างอิสระ ซึ่งผู้เข้าพักต้องยินยอมก่อนทำการจอง ดังนั้นหากเพื่อน ๆ อาศัยอยู่ในทำเลที่ไม่ไกลเมืองมากนัก การปล่อยบ้าน หรือห้องว่างให้เช่าจะทำเงินให้เพื่อน ๆ ได้อย่างง่ายดายเลยแหละขอบอก

วิธีที่ 7 : ของ “มือสอง” ไม่ใช้ก็ขายออก

ปัจจุบัน “ของมือสอง” ได้กลายเป็นสินค้าชั้นดีของผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเหล่าหนุ่มสาวทั้งนักช้อป หรือแม้แต่พ่อค้าแม่ขายทั้งหลายที่จะนำของดีราคาย่อมเยาเหล่านี้ไปเพิ่มมูลค่าต่อ โดยสินค้ามือสองนั้นมีอยู่แทบจะทุกวงการไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน หรือแม้แต่อะไหล่รถยนต์ก็มีให้เห็นได้ไม่ใช่น้อย ดังนั้นหากเรามีอะไรในครอบครองที่เรามั่นใจได้แล้วว่าจะไม่มีทางกลับไปแตะมันอย่างแน่นอน การนำมันออกมา “ทำเงิน” ย่อมดีกว่าการปล่อยให้ของเหล่านี้มีฝุ่นเกาะอยู่ใต้ถุนบ้านเป็นไหน ๆ แน่นอน

ที่พิเศษไปกว่านั้น ของมือสอง บางชิ้น อาจจะกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งหากเราบังเอิญได้ครอบครองของชิ้นเหล่านี้ และรักษามันไว้ในสภาพดีแล้วล่ะก็... เจ้าของที่เราไม่เคยชายตามอง อาจจะสร้างรายรับให้เราได้เป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียวเชียวแหละ

วิธีที่ 8 : มาเป็นนักพิสูจน์อักษร

แม้อาชีพนี้อาจจะไม่ค่อยถูกผู้ถึงเท่าใดนัก แต่เพื่อน ๆ รู้หรือไม่ว่า ในโลกยุคที่ทุกอย่างต้องเกี่ยวข้องกับการสื่อการ การพิสูจน์อักษรได้กลายมาเป็นหนึ่งงานที่มีความต้องการสูงเอามาก ๆ เพราะงานลักษณะดังกล่าวนั้นไม่ใช่ว่าใคร ๆ ก็ทำได้ หากแต่คุณต้องเป็นคนที่มีทักษะด้านไวยากรณ์ที่ยอดเยี่ยม ใส่ใจในรายละเอียด และรักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจเท่านั้น ที่สำคัญงานพิสูจน์อักษรในยุค 5G ยังถือเป็นงานที่มีความยืดหยุ่นมากซึ่งเพื่อน ๆ สามารถเลือกทำได้ตามเวลาที่เราต้องการเลยแหละ ปังไหมล่ะ?

โดยสิ่งที่ผู้ตรวจทานอย่างเรา ๆ สามารถทำได้นั้นก็จะเป็นเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรทั้งหมดทั้งแบบออฟไลน์ และออนไลน์ เช่น บทความ หน้าเว็บ บทความ วิทยานิพนธ์ คู่มือการใช้งาน เอกสารทางกฎหมาย เป็นต้น เรียกได้ว่าเพื่อน ๆ สามารถเลือกเป็นนักพิสูจน์อักษรในสิ่งที่เพื่อน ๆ ชอบอ่านได้อย่างอิสระเลยแหละ ดีมาก ๆ เลย

เป็นยังไงกันบ้าง? มาถึงตรงนี้แล้วหลาย ๆ คนคงเห็นแล้วว่าการหารายได้นอกเวลานั้นมีทางเลือกอยู่มากมายเลยทีเดียวเชียว ฉะนั้นแล้วเพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการมีเงินในกระเป๋าเพิ่ม เพื่อน ๆ ก็มองอาชีพ หรือแนวทางที่คิดว่าเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง และลุยลงมือทำตั้งแต่วันนี้เลย!

บทความ: MULA Learning
รูปประกอบ: MULA Learning