การค้นหาแบบครอบคลุมทั้งหมดยังไม่ได้เปิดใช้งาน
ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Blog entry by Anuntapong Chuen-im

6 นิสัย “สุดแย่” ที่เลิกได้รับรองว่า “รวย” แน่!

หลาย ๆ คนอาจจะกำลังตั้งคำถามกับตัวเองอยู่ว่า “ทำไมตัวเรานั้น ไม่รวยเสียที?” ทั้ง ๆ ที่การงานก็มั่นคง แถมเราก็มีความขยันไม่แพ้ใคร ตั้งใจทำงานอย่างสม่ำเสมอ อาชีพเสริมก็ยังมี บางทีอยู่บ้านว่าง ๆ ก็ควบกะเพิ่มเงินเข้าไปอีก แต่พอสิ้นเดือนที่ไร เงินทั้งหมดที่ได้กลับอันตรธานหายไปเฉย ๆ เสียอย่างนั้น เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกันแน่?

 

ซึ่งหากให้อธิบายให้เพื่อน ๆ เห็นภาพแล้วล่ะก็... เราจะต้องเข้าใจกันเสียก่อนว่าแท้ที่จริงแล้ว “ความขยัน” หรือการทำงานหนักนั้น ไม่ใช่ตัวแปรเดียวที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ เพราะมันยังจะต้องประกอบด้วย “วินัย” และนิสัยด้านอื่น ๆ อีกมากมาย ฉะนั้นแล้วสิ่งที่อาจจะกำลังคอยขัดแข้งขัดขาเราไม่ให้สำเร็จอยู่อาจจะเป็น “นิสัย” บางประการที่เราเผลอมีมันโดยไม่รู้ตัวนั้นเอง

 

ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เพื่อน ๆ นั้นเข้าใกล้ “ความสำเร็จ” อีกขั้นในชีวิตมากยิ่งขึ้น วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า... นิสัยแบบไหนกันบ้างที่กำลังขัดขวางคนหาเช้ากินค่ำอย่างเรา ๆ จาก “ความรวย” อยู่ ซึ่งการที่รู้ถึงนิสัยเหล่านี้จะเป็นข้อดีต่อตัวเราอย่างมหาศาล เพราะหากขจัดพฤติกรรมเหล่านี้ได้เป็นปลิดทิ้งแล้วล่ะก็ รับรองว่าชีวิตของเราจะเปลี่ยนไป และภายในกระเป๋าของเราจะมีเงินก้อนโตอย่างแน่นอน

 

ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!

 

นิสัยที่ 1 : ชอบผลัดวันประกันพรุ่ง

หลาย ๆ คนคนคงเคยได้ยินคำ ๆ นี้ผ่านหูผ่านตากันมาแล้ว แต่อาจจะยังไม่เข้าใจผลเสียที่แท้จริงของการผัดวันประกันพรุ่ง เพราะแท้ที่จริงแล้วนิสัยดังกล่าวนี้นั้นถือเป็นนิสัยอันดับต้น ๆ ที่คอยกีดกันเราจากความก้าวหน้าในชีวิตเลยก็เป็นได้ เรียกได้ว่าส่งผลทางลบอย่างมากมายเลยทีเดียว โดยลักษณะของการผัดวันประกันพรุ่งที่เราพบเห็นกันได้มากเลยก็คือการที่เราเลื่อนสิ่งที่เราตั้งใจจะทำหรืองานที่เราต้องรับผิดชอบออกไปเรื่อย ๆ จนเดดไลน์มาจวนตัวถึงจะเริ่มลงมือทำ หรือในบางครั้งอาจจะเลื่อนไปเรื่อย ๆ จนไม่เคยได้ทำสิ่งนั้นเลยก็เป็นได้

 

ซึ่งการที่เรานำนิสัยอย่างการผัดวันประกันพรุ่งมาไว้ข้อแรก ก็เพราะว่านิสัยนี้ควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน แถมยังเป็นนิสัยที่จะทำให้เพื่อน ๆ ไม่สามารถเอาชนะนิสัยลำดับต่อ ๆ ไปได้อีกด้วย เนื่องจากคอยแต่จะ “เลื่อน” สิ่งที่ตั้งใจจะปรับออกไปเป็นวันอื่น ๆ อยู่เสมอนั่นเอง ฉะนั้นแล้วหากเพื่อน ๆ อยากมีเงินถุงเงินถัง มีเงินก้อนได้ดั่งใจนึก ต้องเลิกผลัดวัน และเริ่มลงมือพัฒนาตัวเองตั้งแต่วันนี้!

 

นิสัยที่ 2 : ไม่ชอบทำบันทึกรายรับ - รายจ่าย

หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าการทำบันทึกรายรับ – รายจ่าย นั้นเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นมากนัก และดูจะไม่ช่วยทำให้เรารวยขิ้นได้แต่อย่างใด ซึ่งในความเป็นจริง อีกหนทางของการรวยก็คือการใช้เงินอย่างรอบคอบ และ “เหลือเก็บ” นั่นเอง

 

แต่จะทำอย่างไรให้เรามีเงินเหลือเก็บมากขึ้นล่ะ? เราก็ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าเจ้าการทำบันทึกรายรับ – รายจ่าย ที่ดูแสนจะธรรมดานี่แหละ ถือเป็นพระเอกตัวจริงของการเก็บเงินเลย โดยการคอยจดสิ่งที่เราใช้จะทำให้เราได้เห็นว่า “ค่าใช้จ่าย” อะไรบ้าง ที่เราใช้มากจนเกินควร และสามารถจัดการกับปัญหานั้น ๆ ได้อย่างตรงจุดนั่นเอง

 

นิสัยที่ 3 : กลัวการลงทุน

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ฝันอยากมีเงินก้อนโต นอกจากวิธีการสุดคลาสสิกอย่างการประหยัดการใช้จ่าย และการเก็บหอมรอมริบแล้ว อีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยให้คุณไปถึงฝั่งฝันก็คือ “การลงทุน” นั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หลาย ๆ คนอาจจะมี “ความกลัว” การลงทุนอยู่ในใจ และคิดว่าโอกาสขาดทุนนั้นสูงลิบลิ่ว ทั้งที่จริง ๆ แล้วรูปแบบของการลงทุนนั้นมีหลากหลายเอามาก ๆ อยากได้ผลตอบแทนมาก ก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่สูงหน่อย แต่ถ้าเราไม่รีบร้อนอะไร การลงทุนความเสี่ยงต่ำ แต่ได้ผลดีก็มีถมเถไป

 

ดังนั้นหากเพื่อน ๆ อยากไปถึงฝั่งฝันในการมีเงินก้อนโดยไม่เจ็บเนื้อเจ็บตัวจากความเป็นมือใหม่หัดรวย แถมยังใช้ระยะเวลาไม่นาน ก็ลองหันมาศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนความเสี่ยงต่ำ ให้ดีนะครับ ซึ่งบอกได้เลยว่าถูกใจคนงบน้อยเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการลงทุนที่ช้า แต่ชัวร์ และยังถือเป็นก้าวแรกก้าวสำคัญในการ ‘ให้เงินทำงานแทนเรา’ หรือที่ภาษาสวยหรูก็จะเรียกว่า Passive Income แบบที่ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะขาดทุนจนหมดตัวนั่นเอง การลงทุนนั้นไม่น่ากลัวอย่างที่คิดนะบอกเลย

 

นิสัยที่ 4 : ติดช้อป ติดเอฟของมันต้องมี

เวลาเราออกไปชอปปิง หรือแม้แต่นอนเล่นมือถืออยู่บ้าน เราก็มักจะเจอกับของหลาย ๆ ชิ้นที่มันคอยแต่จะล่อตาล่อใจอยู่เสมอ ซื้อนิดซื้อหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะเราหาเงินมา เราก็ควรที่จะมีความสุขที่จะได้ใช้สิ่งที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงของเราบ้าง ถูกไหม? แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากเราเผลอใช้เงินแบบ “มือเติบ” หรือใช้เงินเกินตัว และคอยแต่จะหาเอฟของ ท้ายที่สุดเราก็เผลอเพลิดเพลินกับของมันต้องมี และมีความสุขจนลืมตัว ทำให้ต้องมาเครียดในช่วงปลายเดือนทุกที มิหนำซ้ำในบางรายยังเลวร้ายไปกว่านั้น เพราะนอกจากใช้เงินที่หามาอย่างยากลำบากจนไม่เหลือไว้เก็บแล้ว ยังไม่หยุดการใช้จ่ายจนสุดท้ายต้องกลายเป็น “หนี้” ไปเสียอีก ฉะนั้นแล้วจะซื้อของอะไรก็ตามแต่ อย่าลืมคิดให้ดีนะว่าเดือน ๆ นี้เราซื้อไปเยอะแค่ไหนแล้ว

 

นิสัยที่ 5 : ใช้บัตรเครติดเกินตัว

“การไม่มีหนี้นั้นเป็นลาภอันประเสริฐ” ประโยคข้างต้นถือเป็นวลีที่ใครหลาย ๆ คนคุ้นหู และก็เป็นความจริงที่ใช้ได้มาเสมอตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสิ่งนี่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมากสำหรับนิสัยในข้อที่ 5 นี้เลยก็ว่าได้ โดยเจ้านิสัยการใช้บัตรเครดิตเกินตัว ท้ายที่สุดก็จะสามารถนำไปสู่ “หนี้ก้อนโต” ที่ยากจะปิดได้นั่นเอง พอเริ่มเป็นหนี้เข้า ก็ต้องไปเปิดบัตรใหม่มาปิดบัตรเก่าอีก แล้วก็จะเป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แค่คิดก็เหนื่อยแล้วล่ะถูกไหม? ฉะนั้นการไม่มีหนี้นั้นดีกว่าเห็น ๆ เลยแหละ

 

ซึ่งคำถามสำคัญสำหรับเรื่องนี้ก็คือ... “นิสัยการใช้บัตรเครดิตจนเกินตัวเกิดจากอะไร?” ซึ่งให้อธิบายตรง ๆ เลยก็คือมันจะเป็นผลร้ายสืบเนื่องมาจากนิสัยในข้อที่แล้วนั่นแหละ เพราะเมื่อเราทั้งหลาย ติดช้อป ติดเอฟ มันก็จะเป็นการกระตุ้นให้เกิด “การใช้จ่ายที่เกินตัว” นั่นเอง ช่วงแรก ๆ ก็อาจจะยังรับไหวอยู่หรอก แต่พอซื้อของมาก ๆ เขา เงินเดือนที่มีก็เริ่มร่อยหรอ นั่นจึงทำให้คนจำนวนไม่น้อยหันมาพึ่งบัตรเครดิต และนำเงินในอนาคตมาใช้ก่อนยังไงล่ะ? ฉะนั้นแล้วถ้าเลิกเอฟของได้ นิสัยการใช้บัตรเครดิตมาก ๆ นี้ก็จะแก้ไขได้ด้วยเช่นกัน

 

ทั้งนี้เราไม่ได้หมายความว่าเพื่อน ๆ ไม่ควรมีบัตรเครดิตนะ เพราะในความเป็นจริงแล้วการใช้บัตรเครติดนั้นก็มีประโยชน์เช่นเดียวกัน เนื่องจากทำให้เราผ่อนจ่ายสินค้าต่าง ๆ ได้ แถมยังมีสิทธิพิเศษมากมาย ทั้งแต้ม และส่วนลดต่าง ๆ อีกด้วย แต่บัตรเครดิตจะไม่มีประโยชน์เลยหากเราใช้มันอย่างผิดวิธี และใช้มันมากเกินจำเป็น

 

นิสัยที่ 6 : หน้าใหญ่ใจโต ติดโก้ ติดหรู

บางครั้งการเลี้ยงข้าวเพื่อน ๆ เป็นครั้งคราวก็คงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร แต่ถ้าเราคอยแต่จะโชว์เหล่ามิตรสหายของเราทุก ๆ ครั้งว่าเรานั้น “รวย” มากแค่ไหน ท้ายที่สุดเราก็อาจจะไม่รวยอย่างที่เราพยายามจะโชว์ก็เป็นได้ ฉะนั้นแล้วหากเพื่อน ๆ คนไหนติดนิสัยชอบเลี้ยงเพื่อน ชอบโชว์ป๋า เราอาจจะต้องปรับรูปแบบการใช้จ่ายของเรา และหันมาเก็บเงินเพื่ออนาคตกันดีกว่า

มาถึงตรงนี้แล้ว ไหนใครเจอนิสัยเสียของตัวเองกันบ้าง? ถ้ารู้ถึงข้อบกพร่องของเราแล้ว นี่ก็ถึงเวลาแล้วแหละที่เราจะลุกขึ้นมาปรับปรุงตัวเองให้กลายเป็นคนใหม่ที่ไฉไลเฟ่อร์ รับรองได้เลยว่าเส้นทางเศรษฐีรอเราอยู่อย่างแน่นอน

 

 

บทความ: MULA Learning
รูปประกอบ: MULA Learning

 

 

  • แชร์