การค้นหาแบบครอบคลุมทั้งหมดยังไม่ได้เปิดใช้งาน
ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Blog entry by Anuntapong Chuen-im

อะไรที่ทำให้เรา “ล้มเหลว” และเราจะแก้ไขมันได้หรือไม่?

อะไรที่ทำให้เรา “ล้มเหลว” และเราจะแก้ไขมันได้หรือไม่?

เพื่อน ๆ เคยสงสัยกันบ้างไหมว่า ทำไมเวลาเราอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง และเป็นคนที่ดียิ่งขึ้น ถึง “ไม่สำเร็จ” สักที ทั้ง ๆ ที่เราก็ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ แถมยังรู้สึกว่าเรานั้นก็ไม่ได้พยายามน้อยไปกว่าใครคนอื่นอีกต่างหาก แล้วทำไมคนอื่นเขาถึงเติบโตขึ้นได้ แต่ตัวเรากลับยังอยู่ ณ จุด ๆ เดิมเสียนี่สิ

 

ทั้งนี้ก่อนที่เราจะไปหาสาเหตุว่าทำไมคนอย่างเรา ๆ ส่วนใหญ่ ถึงล้มเหลวในการพัฒนาตน มูลาก็ต้องขอบอกเพื่อน ๆ ที่กำลังผิดหวัง และหมดไฟ ไว้ตรงต้นบทความนี้ก่อนเลยว่า ความล้มเหลวนั้นไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอย่างที่เราคิดเลยแม้แต่น้อย เพราะก่อนที่ใครหลายคนจะกลายมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ พวกเขาต่างเคยล้มเหลวมาก่อนทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขา “ก้าวข้าม” ความผิดพลาดเหล่านี้ และกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้นั้น พวกเขาทั้งหลายนั้นผ่านการ “เรียนรู้” บทเรียนสำคัญ 2 ประการ จากวันที่หกล้ม นั่นก็คือ อะไรที่เป็นต้นเหตุของความผิดพลาด และต้องทำอย่างไรถึงจะได้ไม่กลับไปล้มเหลวแบบเดิม นั่นเอง

 

ดังนั้น วันนี้มูลาจะมาพาเพื่อน ๆ ไปดูกันดีกว่าว่า ทำไมคนอย่างเรา ๆ ส่วนใหญ่ ถึงล้มเหลวในการพัฒนาตนเองกันนะ แล้วเราควรมีวิธีการแก้ไขอย่างไรให้เรื่องเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นซ้ำสอง เพื่อเป็นตัวช่วยให้เพื่อน ๆ ก้าวผ่านวันอันโหดร้าย และเข้าใกล้ความสำเร็จที่ตัวเองใฝ่ฝันถึงในที่สุด ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!

 

อะไรที่เป็นต้นเหตุของ “ความล้มเหลว”

  • เหตุผลข้อที่ 1 : เราอาจจะมี “ทัศนคติแบบปิด”
    การที่เราจะรู้สึกพึงพอใจ และเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งที่เรารู้กับวิธีการที่เราดำเนินชีวิตนั้นเป็นเรื่องถูกต้องที่สุดแล้ว เป็นการขัดขวางการพัฒนา และการเติบโตอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะในเมื่อเราคิดว่าทุกอย่างมันดีอยู่แล้ว เราจะต้องไปแก้ไขอะไรให้มันเหนื่อยด้วยล่ะ ถูกไหม? ดังนั้นหากเพื่อน ๆ กำลังคิดแบบนี้ มูล่าขอแนะนำให้เราลองทบทวนตัวเองดูอีกที และลองเปิดกว้างมุมมองของเราให้มากกว่าที่เป็นอยู่อีกสักนิดจะดีกว่า

 

  • เหตุผลข้อที่ 2 : การ “รอ” ความช่วยเหลือ ไม่ใช่คำตอบ
    การพัฒนาตัวเองนั้นไม่ใช่สิ่งที่ใครจะมา “ป้อน” ให้เราได้ เพราะในความเป็นจริงแล้วมีแค่ตัวเราที่สามารถลุกขึ้นมาพัฒนาตัวเองได้เท่านั้น คนอื่น ๆ อยากมากก็สามารถทำได้แค่ “แนะนำ” แต่การจะให้การพัฒนาเห็นผลได้จริงแล้วนั้น ท้ายที่สุดก็ต้องเป็นตัวเราเองที่ลงมือทำมันอย่างจริงจังนั่นแหละ

    อย่างไรก็ตามคนส่วนมากอาจจะเผลออยู่เฉย ๆ และรอคอยการช่วยเหลือจากคนอื่น ๆ มากเกินจำเป็น และนี่เองจึงถือเป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้เรายังไม่พัฒนาเท่าที่ควรจะเป็นเสียที

 

  • เหตุผลข้อที่ 3 : เรากลัวที่จะต้อง “เสี่ยง”
    บ่อยครั้ง การจะพัฒนาตัวเองนั้น เราจะต้องเอาตัวเองออกจากสภาพแวดล้อมที่เราคุ้นชิน หรือที่ภาษาอังกฤษจะนิยามมันว่า Comfort Zone ซึ่งการออกจากพื้นที่แห่งนี้ในบางครั้งนั้นก็มักจะมาพร้อมกับ “ความเสี่ยง” รูปแบบใหม่ ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายงาน จากงานสบาย ๆ ไปสู่งานที่ยากและท้าทายขึ้น หรือแม้แต่การไปสมัครใช้บริการฟิตเนส ก็ถือเป็นความเสี่ยงสำหรับคนบางคนเช่นเดียวกัน เพราะมันจะทำให้เราเสียทั้งแรง เสียทั้งเงิน โดยเราไม่รู้ว่าท้ายที่สุดจะได้ผลตอบแทนอะไรกลับมาหรือไม่นั่นเอง

    อย่างไรก็ตาม ถ้าเราไม่เสี่ยง ไม่เปลี่ยนตัวเอง การพัฒนาก็คงเกิดไม่ได้ ถูกไหมล่ะ?

    ทั้งนี้ มูล่าจะขอกระซิบว่าการอยู่เฉย ๆ ใน Comfort Zone ในตอนนี้ที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนั้น กำลังทำให้หลายต่อหลายคนกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงอยู่โดยไม่รู้ตัวอีกด้วย เพราะการที่เราทั้งหลายไม่เลือกที่จะเสี่ยงในเรื่องใดเลย มันหมายถึง โอกาสที่คุณจะประสบความสำเร็จได้นั้นเท่ากับศูนย์เปอร์เซ็นต์ นั้นเอง ดังนั้นการอยู่เฉย ๆ อันตรายกว่าการพุ่งเข้าชนเป้าหมายที่เราต้องการเสียอีกนะ จะบอกให้

 

  • เหตุผลข้อที่ 4 : เราอาจจะ “ผัดวันประกันพรุ่ง” มากเกินไปเสียหน่อย
    ความสำเร็จในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการทำให้ตัวเองนั้น “พัฒนา” ไม่ได้เกิดมาเพราะโชคช่วย แต่มันเกิดมาจากการที่เราต้องมีวินัยในตัวเองอย่างมาก ซึ่งการจะมีวินัยได้นั้นจะต้องอาศัยทั้งความอดทน และความพยายามอย่างมหาศาลในการต่อกรกับสิ่งยั่วยุทั้งหลาย แต่เรื่องเหล่านี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นเลยถ้าเราเอาแต่มีข้ออ้างในการผัดวันประกันพรุ่ง หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ “ไว้ค่อยทำทีหลัง” นั่นแหละ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วผัดวันประกันพรุ่งนอกจากจะสร้างผลเสียเพราะทำให้เราไม่เคยลงมือทำบางสิ่งอย่างจริง ๆ จัง ๆ แล้ว มันยังสะท้อนให้เห็นว่าเรากำลังละเลยคุณค่าของเวลาไปอีกด้วย เพราะโอกาสบางอย่างนั้นผ่านมาแล้วไม่มีวันหวนกลับอีกเลย วางแผนว่าจะทำ แต่ไม่ทำมันสักที ท้ายที่สุดแล้วเราอาจจะไม่ได้มีโอกาสทำสิ่งนั้นเลยตลอดชีวิตก็เป็นได้

 

  • เหตุผลข้อที่ 5 : เรากำลัง “ไม่มั่นใจ” ในตัวเอง
    ความเชื่อมั่น หรือความมั่นใจในตัวเองนับว่ามีความสำคัญมาก ๆ ต่อการพัฒนาตัวของเราให้ดีขึ้น และเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะหากเราไม่เชื่อว่าเราทำได้ ก็คงยากที่เราจะประสบความสำเร็จ ใช่ไหมล่ะ? ดังนั้นหากเพื่อน ๆ กำลังกังวล และไม่แน่ใจว่าเราจะพัฒนาได้หรือไม่ มูล่าขอแนะนำว่าให้ลองโยนความคิดเหล่านั้นทิ้งไป แล้วทดลองทำดูสักตั้งก็ไม่เสียหลายนะ

 

  • เหตุผลข้อที่ 6 : เราอาจจะเชื่อเรื่อง “ดวง” มากเกินไปนิดไม่ยอมแก้ไข และเอาแต่จะแก้ตัว
    การเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำให้การรับรู้ความเป็นจริงของเรานั้นบิดเบือนไป เพราะหากเราเชื่ออย่างสนิทใจว่าโชคมีส่วนในความสำเร็จ และความผิดพลาดของเราแล้วล่ะก็... ท้ายที่สุดเราก็ไม่หาทางแก้ไข และปล่อยให้ “ดวง” นำพาชีวิตเราไปอย่างไร้ทิศทางนั่นเอง ดังนั้นหากเพื่อน ๆ กำลังปล่อยให้เรื่องของโชคชะตาเข้ามามีบทบาทมากเกินไปในชีวิต เราอาจจะต้องปรับเปลี่ยนความคิดเหล่านี้ออกไปบ้าง

 

  • เหตุผลข้อที่ 7 : เรากำลังทำหลาย ๆ อย่าง พร้อม ๆ กัน จนเกินจะรับไหว
    มูล่าขอบอกเลยว่าคนที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาตัวเองส่วนใหญ่นั้น เขามักเลือกที่จะ “โฟกัส” และให้ความสำคัญกับเป้าหมายที่ตัวเองต้องการจริง ๆ เพียงไม่กี่เป้าหมายเท่านั้น เพราะเวลาของเราทุกคนมีจำกัด ดังนั้นหากเราหว่านเส้นทางชีวิตของเราไปแบบไร้ทิศทาง ท้ายที่สุดเราก็ทำได้แค่ย่ำอยู่กับที่ และไม่มีการก้าวหน้าในเห็นนั่นเอง

 

ต้องทำอย่างไร “ไม่ให้ผิดพลาดซ้ำสอง”

  • วิธีที่ 1 : อ้าแขนรับความท้าทาย มุ่งมั่นต่อไปแม้จะพบความล้มเหลว
    การที่เราจะประสบความสำเร็จในการพัฒนาตนเอง และการทำงาน เราต้องรู้จักมองความล้มเหลวเป็นบทเรียน และคอยพยายามหาโอกาสในความล้มเหลวนั้น ยิ่งเราเจอความยากลำบาก และความท้าทาย เราก็จะยิ่งเรียนรู้ เราก็ยิ่งมีโอกาสในการประสบความสำเร็จมากขึ้น

 

  • วิธีที่ 2 : รู้จักมองโลกในแง่บวก และหมั่นเพียรพยายาม
    หากเราหวังจะประสบความสำเร็จในชีวิต และการเติบโต เรานั้นก็จะต้องไม่ถอดใจหรือยอมแพ้ง่าย ๆ เมื่อพบเจอกับความท้าทาย ไม่ว่าจะเลือกพุ่งชน ลองวิธีการใหม่ ๆ ก็ตาม แต่คำว่าย่อท้อต้องไม่อยู่ในพจนานุกรมของเรา ทั้งนี้อย่าลืมมองโลกในแง่บวก และเชื่อมั่นเสมอว่าเราต้องเอาชนะทุกอุปสรรคที่เจอได้ด้วยนะ

 

  • วิธีที่ 3 : เปิดรับคำวิจารณ์ และเรียนรู้จากมัน

เป็นธรรมดาที่คนเรานั้นจะถูกวิจารณ์ ไม่ว่าจะทั้งในทางบวก และทางลบ ซึ่งการที่เราจะพัฒนาตัวเองได้อย่างถูกจุดนั้น เราก็ต้องหยิบคำวิจารณ์ที่เปรียบเสมือนเป็นกระจกสะท้อนตัวเราในสายตาของคนอื่นขึ้น มาปรับปรุงพัฒนาตัวเราให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่าไปสิ้นหวังกับมันเด็ดขาด แม้ในบางครั้งคำวิจารณ์จะแรงจนเกินรับไหวก็ตาม

 

  • วิธีที่ 4 : ไม่หยุดที่จะเรียนรู้ และพัฒนาตนเองสม่ำเสมอ
    คนจะเก่งไม่ใช่เฉพาะมีพรสวรรค์ตั้งแต่เกิด ความเก่งสามารถพัฒนาได้ พรสวรรค์นั้นมีส่วนน้อยเอามาก ๆ แต่สิ่งที่มีบทบาทสำคัญที่ทำให้คนมากมายมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จนั้นกลับเป็นเรื่องของพรแสวงเสียมากกว่า

 

  • วิธีที่ 5 : รู้จักตั้งเป้าหมายให้เป็น
    แม้การตั้งเป้าหมาย อาจจะเป็นเรื่องที่ใครหลาย ๆ คนนั้นมองข้ามไป แต่แท้ที่จริงแล้ว นี่ถือเป็น “หัวใจสำคัญ” ที่จะส่งเราให้ถึงฝั่งฝัน ทำให้ประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น เพราะว่าการตั้งเป้าหมาย ก็เหมือนเราปักหมุดไว้บนแผนที่ว่าเราจะไปที่ไหน เมื่อไหร่ ที่สำคัญเมื่อเรามองเห็นเป้าหมายที่เรากำหนดเอาไว้ เราจะมองเห็นวิธีการไปให้ถึงเป้าหมายได้อย่างชัดเจนมากขึ้นนั่นเอง

 

ท้ายที่สุดนี้มูลาก็ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับคนสู้ชีวิตที่อยากจะพัฒนาตัวเอง และมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จ มูล่าขอบอกเลยว่า แค่เพื่อน ๆ เลือกที่จะเข้ามาอ่านบทความนี้ของเรานั้น ก็ถือว่าเพื่อน ๆ มาถูกทางแล้วล่ะครับ

 

บทความ: MULA Learning
รูปประกอบ: MULA Learning

 

  • แชร์