การค้นหาแบบครอบคลุมทั้งหมดยังไม่ได้เปิดใช้งาน
ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Blog entry by 33dc3a9f-3429-40f0-8fc8-d04ea7cad623 Mula-X

ปลดหนี้ หรืออดออม เลือกทางไหนก่อนดี ถึงจะรุ่ง? 🤔

ปลดหนี้ หรืออดออม เลือกทางไหนก่อนดี ถึงจะรุ่ง? 🤔

บอกได้เลยว่าหัวข้อของเราในวันนี้นั้นถือเป็นหนึ่งในคำถามยอดฮิตที่ค้างคาใจคนทุกยุคทุกสมัย เรียกได้ว่าเป็น “ปัญหาโลกแตก” 😣 เลยก็ว่าได้ ซึ่งคนหัวอกเดียวกันอย่างเรา ๆ ก็น่าจะเข้าใจกันดีว่า การที่ต้องเลือกระหว่าง “เคลียร์หนี้” กับการ “เก็บหอมรอมริบ” นั้นมันช่างยากเสียเหลือเกิน เพราะเงินที่เรานั้นหามาได้นั้นมันมีจำกัดมาก ๆ หากจะเลือกใช้หนี้ก่อน ก็อาจจะสร้างเนื้อสร้างตัวได้ยาก ในทางกลับกันถ้าเลือกเก็บออม นั่นอาจจะทำให้หนี้ที่มียิ่งท่วมหัวเข้าไปเสียอีก ยิ่งก็คิดแล้วก็ยิ่งปวดหัวใช่ไหมล่ะ? 😩

แต่ทว่านับต่อจากนี้ เพื่อน ๆ ไม่ต้องหนักใจอีกแล้ว เพราะเรามี “คำตอบ” ของคำถามสุดยากคำถามนี้ตามหลักการทางการเงินมาเพื่อช่วยไขข้อข้องใจของเพื่อน ๆ ให้กระจ่าง แถมยังมีเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ จัดการกับเงินที่มีอยู่ในมือได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ถ้าพร้อมแล้ว ไปอ่านกันได้เลย!

 
ต้อง “เลือก” ทำไมในเมื่อเราทำได้ทั้งสองอย่าง 😮
แท้ที่จริงแล้วหลายคนกำลังเข้าใจผิดเกี่ยวกับการต่อสู้กับปัญหาหนี้สินอยู่ ด้วยความคิดที่ว่าเมื่อเรามีหนี้แล้วเราจะไม่สามารถออมเงินได้เลย ก็ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนมันก็รัดตัวอยู่แล้วถูกไหมล่ะ? แต่ความเป็นจริงก็คือหากเรามีการบริหารจัดการเงินที่มีอยู่ในมือให้ดีแล้วล่ะก็ การทำทั้งสองอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย 

เพื่อน ๆ ลองคิดภาพตามดูก็ได้ หากในทุก ๆ เดือนเมื่อเรามีรายได้เข้ามาแล้ว และรีบนำไปใช้หนี้ทันที เพื่อให้หมดหนี้เร็ว ๆ แต่กลับลืมที่จะเก็บเงิน วันใดวันหนึ่งอาจจะมีเรื่องฉุกเฉินให้เราจำเป็นต้องใช้เงินก้อน สามารถเกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่ได้ระวังตั้งตัวมาก่อนถูกไหมล่ะ? แต่เราดันเอาเงินไปจ่ายหนี้หมดแล้วน่ะสิ ท้ายที่สุดก็จะต้องมีการสร้างหนี้ก้อนใหม่ขึ้นมาอีก และวงจรแบบนี้ก็จะวนเวียนไปเรื่อย ๆ ถ้าเราไม่มีเงินออม หรือเงินสำรองไว้ใช้ตอนฉุกเฉิน

 ฉะนั้นแล้ว ถ้าจะให้ย้ำอีกครั้ง คำตอบที่ถูกต้องของคำถามที่ว่า เลือกอะไรก่อนระหว่างปิดหนี้ กับออมเงิน นั่นก็คือ “การทำพร้อมกันทั้งคู่” นั่นเอง

 
แล้วเราจะ “เก็บเงิน” พร้อมกับ “ใช้หนี้” ได้อย่างไร? 🤔
และแล้วเราก็มาถึงกับช่วงไฮไลท์ที่ใคร ๆ ก็อยากรู้ นั่นก็คือวิธีการบริหารเงินในกระเป๋าของเราให้สามารถจัดการได้ทั้งหนี้ก้อนโตที่คาราคาซังมานาน แถมยังมีเงินเก็บเพิ่มพูนอีกด้วย ซึ่งบอกได้เลยว่าการทำแบบนี้นั้นไม่ยากเลยแม้แต่น้อยหากเพื่อน ๆ ทำตาม 4 ขั้นตอน ดังนี้

 
✅ 1. แบ่งรายได้ที่เรามีเป็นออกเป็นกอง ๆ ให้ชัดเจน

นี่ถือเป็นวิธีการเริ่มต้นอันสุดแสนจะเรียบง่ายของคนอยากมีเงินก้อน แถมยังใช้หนี้ได้พร้อม ๆ กัน ซึ่งสิ่งที่สำคัญสำหรับเทคนิคนี้ก็คือ ใคร ๆ ก็ทำได้ แถมยังเห็นผลแบบทันตาเห็นเลยแหละ สาเหตุที่ว่าวิธีการนี้เห็นผลได้โดยง่ายก็เพราะว่ามันเป็นการจัดสรรเงินตั้งแต่ต้นทางให้ชัดเจน ซึ่งจะทำให้การใช้จ่ายของเรามีระเบียบเรียบร้อย และบรรลุเป้าหมายของเราได้ เหมือนเป็นการบังคับตัวเองทางอ้อมนั่นแหละ ซึ่งถ้าจะให้เราแนะนำแล้วล่ะก็ เพื่อน ๆ ควรแบ่ง 5 - 10% ของเงินเดือนเพื่อเป็นเงินออม ส่วนกองใช้หนี้ก็แบ่งเอาไว้ตามสมควร เงินที่เหลือก็จะเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของเพื่อน ๆ นั่นเอง

 
✅ 2. จัดลำดับความสำคัญของหนี้

หลายคนที่ประสบปัญหากับการเป็นหนี้ก็มักจะมาจากการที่ไม่ได้มีหนี้สินแค่เพียงก้อนเดียว ซึ่งการมีหนี้เยอะ ๆ เนี่ย จะยิ่งทำให้การจัดการกับภาระเหล่านี้ทำได้ยาก เพราะฉะนั้นแล้วหลังจากเราแบ่งสรรปันส่วนเงินให้ชัดเจนตั้งแต่ต้นแล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องทำก็คือ สำรวจให้แน่ชัดเลยว่าเรามีหนี้สินอะไร กับใคร จำนวนเท่าไหร่ หนี้อันใหญ่ดอกเบี้ยมากสุด ก็ต้องรีบจัดการหนี้ก้อนนั้น ๆ ก่อน ส่วนหนี้ก้อนอื่น ๆ ที่เหลือนั้นเราก็ขอแนะนำให้เพื่อน ๆ ใช้เทคนิคข้อต่อไปในการบริหารจัดการ

 
✅ 3. รู้จักใช้การเจรจาเพื่อประนอมหนี้

ไหน ๆ ก็มีหนี้ล้นมือแล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องเปลี่ยนความกลัว ให้เป็นความกล้า และมุ่งเข้าไปเจรจาต่อรองกับเจ้าหนี้เอาเสียเลย ทั้งนี้อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับเหล่าหนี้นอกระบบในการพูดคุย หากแต่ถ้าเป็นหนี้กับทางธนาคารหรือสถาบันการเงินแล้วล่ะก็ โอกาสในการประนอมหนี้นั้นมีสูงไม่ใช่น้อย ทางสถาบันการเงินเหล่านี้เขาไม่ใจร้ายกับคนตาดำ ๆ หรอกนะบอกเลย เพียงแต่เราเองที่ไม่กล้าเข้าไปเจรจากับเขา ทำให้เสียโอกาสเหล่านี้ไปนั่นเอง ซึ่งถ้าหาทางตกลงกันได้ นี่ถือเป็นจังหวะในการตั้งหลักที่ดีเยี่ยม

 
✅ 4. ศึกษาเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์

ถ้าให้อธิบายง่าย ๆ การรีไฟแนนซ์ (Refinance) ก็คือการก่อหนี้ใหม่เพื่อมาใช้หนี้เก่า โดยที่หนี้ใหม่ที่สร้างขึ้นมาเนี่ยต้องได้รับประโยชน์ที่ดีกว่าหนี้เดิมนะ (ไม่งั้นจะไปทำทำไมให้เสียเวลาใช่ไหมล่ะ) ซึ่งผลประโยชน์ที่ว่านี้ก็มีรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะมาจากการได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง การช่วยลดจำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระในแต่ละงวด การชำระเงินต้นให้รวดเร็วขึ้น หรือแม้แต่การรวมหนี้จากเจ้าหนี้หน้าเลือดหลาย ๆ ราย ให้เป็นเจ้าหนี้รายเดียว (ที่เชื่อถือได้ และไม่ใจร้าย) 

แต่ทว่าการรีไฟแนนซ์ใช่ว่าจะไม่ต้องคิดอะไรเลยนะ เพราะที่จริงแล้วลูกหนี้อย่างเราควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ เนื่องจากหากคิดไม่ละเอียดถี่ถ้วน อาจจะเป็นการเพิ่มภาระให้เราโดยที่ไม่รู้ตัว 😮 ที่สำคัญเลยก็คือเราต้องชั่งน้ำหนักข้อดี และข้อเสียในการทำรีไฟแนนซ์อย่างละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อนนั่นเอง โดยปรึกษากับเจ้าหน้าที่จากสถาบันการเงินนั้น ๆ ที่เราเข้าไปติดต่อ ให้ได้รับข้อมูลที่กระจ่าง ชัดเจน จะได้ไม่ปวดหัวทีหลัง

 
มาถึงตรงนี้แล้วเพื่อน ๆ คงได้รับคำตอบ พร้อมวิธีการที่ชัดเจน สำหรับการปลดนี้ และออมเงินแล้วใช่ไหมล่ะ? ฉะนั้นแล้วอย่ารอช้าเลยนะ มาเริ่มการบริหารการเงินอย่างมีระบบระเบียบตั้งแต่วันนี้ เราจะได้หมดหนี้ แถมยังมีเงินก้อนอีกด้วย 😀

 
บทความ: MULA Learning
รูปประกอบ: MULA Learning
 

 

 

 

รับมูลาคอยน์เลย

  • แชร์