การค้นหาแบบครอบคลุมทั้งหมดยังไม่ได้เปิดใช้งาน
ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Blog entry by 33dc3a9f-3429-40f0-8fc8-d04ea7cad623 Mula-X

5 สัญญาณร้ายว่าเราใช้เงิน “มือเติบ”  😱💵

5 สัญญาณร้ายว่าเราใช้เงิน “มือเติบ” 😱💵

เป็นเรื่องธรรมดาที่เหล่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ มักจะประสบพบเจอกับปัญหาการใช้เงินแบบ “เดือนชนเดือน” หรือพูดง่ายๆ ว่าพอถึงสิ้นเดือนแต่ละทีก็ไม่เคยมีเงินเหลือแม้แต่นิดเดียว เสมือนกับเงินมันอันตรธานหายไปจากกระเป๋าได้เองเสียอย่างนั้น 😓 แต่ทว่า... แท้ที่จริงแล้วเรื่องนี้มีเบื้องหลังอยู่! 

แล้วปัญหาเหล่านี้เกินขึ้นได้อย่างไรน่ะเหรอ? ก็เพราะที่จริงแล้วเราอาจจะเป็นคนใช้เงินแบบ “มือเติบ” หรือใช้เงินเกินตัวนั่นเอง แต่ก็นะ เวลาเราออกไปชอปปิง ของหลายๆ ชิ้นมันล่อตาล่อใจนี่นา ท้ายที่สุดเราก็เผลอเพลิดเพลินกับของมันต้องมี และมีความสุขจนลืมตัว ทำให้ต้องมาเครียดในช่วงปลายเดือนทุกที มิหนำซ้ำในบางรายยังเลวร้ายไปกว่านั้น เพราะนอกจากจะใช้เงินที่หามาอย่างยากลำบากจนไม่เหลือไว้เก็บแล้ว ยังไม่หยุดการใช้จ่ายจนสุดท้ายต้องกลายเป็น “หนี้” ไปเสียอีก 
 
แต่เดี๋ยวก่อน! ใช่ว่าปัญหาเหล่านี้จะไม่มีทางแก้ เพราะทุกปัญหานั้นจัดการได้ หากเรารู้ต้นตอที่แท้จริง วันนี้เราจะมาช่วยระบุปัญหาใช้เงินหนักเกินจำเป็น โดยดูจาก 5 สัญญาณอันตรายเหล่านี้ 

 
สัญญาณที่ 1: มีของใช้มากมาย แต่บางชิ้นกลับไม่เคยใช้ 
หลายคนอาจจะมองว่าการออกไปชอปปิงนั้นไม่ใช่ปัญหาหนักหนาอะไร เพราะใครๆ เขาก็ทำกัน แต่แท้ที่จริงแล้วมุมมองแบบนี้ใช้ไม่ได้กับทุกๆ คน บางทีเราอาจจะลืมนึกไปว่าสถานะทางการเงินของคนอื่นกับของตัวเรานั้นแตกต่างกัน และท้ายที่สุดนั่นก็นำมาซึ่งปัญหาได้ในวันหนึ่ง ซึ่งเราจะสังเกตก้าวแรกของการใช้จ่ายเกินตัวได้ก็ต่อเมื่อเราเห็นข้าวของเครื่องใช้นานาชนิดภายในบ้าน แต่เรากลับไม่เคยได้แตะมันเลยแม้แต่ครั้งเดียวหลังจากซื้อมันมา นั่นแหละที่เรียกว่าการใช้จ่ายอย่าง “ฟุ่มเฟือย” 

 
สัญญาณที่ 2: ต้องปาดเหงื่อทุกครั้งเมื่อสิ้นเดือน 
สัญญาณประการต่อมาที่ทำให้คุณรู้ตัวว่าคุณได้ใช้เงินมือเติบไปแล้ว นั่นก็คือการที่ในทุกๆ ช่วงสิ้นเดือนนั้นผ่านไปได้ยากเย็นเสียเหลือเกิน จากกินข้าวร้านอาหารตามสั่ง ก็ต้องผันตัวมาพึ่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแทน ซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องที่อันตรายทั้งกับสุขภาพ และสถานะทางการเงินของคุณในระยะยาว เนื่องจากการที่เงินไม่พอใช้ในแต่ละเดือน นั่นก็จะนำมาซึ่งการไม่มีเงินเก็บ และท้ายที่สุดก็จะส่งผลให้เรามีโอกาสเป็นหนี้ได้นั่นเอง 

 
สัญญาณที่ 3: รูดเก่ง! 
ที่จริงแล้วการใช้บัตรเครดิตไม่ได้เป็นเรื่องที่เลวร้าย หากรู้วิธีใช้อย่างชาญฉลาด แต่ทว่าเมื่อเราขาดสติ และเอาแต่รูดซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็นแล้วล่ะก็ นี่แหละเป็นอีกสัญญาณร้ายของคนที่ใช้จ่ายแบบไม่ระมัดระวัง เพราะถือเป็นการ “หยิบยืม” เงินจากอนาคตมาใช้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วหลายต่อหลายคนอาจจะไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจในทันทีหรอก ก็มันเป็นเรื่องของอนาคตใช่ไหมล่ะ แต่ถ้าทำแบบนี้ไปสักระยะหนึ่งล่ะก็กลายเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน 

 
สัญญาณที่ 4: บัตรเครดิตใบเดียวไม่พอใช้ 
หากคุณพบว่าวงเงินบัตรเครดิตของคุณเต็มอยู่เสมอ เต็มเป็นประจำ และคุณไม่มีเงินพอที่จะจ่ายหนี้ให้ครบทั้งหมดเสียที ต้องเสียดอกเบี้ยซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยไม่ก่อให้เกิดรายรับเพิ่มขึ้น ท้ายที่สุดก็ต้องไปเปิดบัตรใบใหม่เพื่อมาใช้หนี้ใบเก่า แล้วก็เป็นแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่เรื่อย ๆ นี่นับเป็นสัญญาณที่อันตรายอย่างมากกับการใช้เงินจนเกินตัวแล้ว ทั้งยังส่งผลร้ายต่อสถานะทางการเงินในระยะยาวอีกด้วย 
 

สัญญาณที่ 5: เริ่มคิดจะมองหาเงินกู้นอกระบบ 
วงเงินบัตรเครดิตก็เต็ม! ยืมเพื่อนก็ไม่มีใครให้! เงินในกระปุกก็ไม่มีเหลือ! แต่ทว่าหนี้ก็ท่วมล้นตัว ทางออกสุดท้าย (ที่ไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่) ของคนใช้เงินเกินตัวอย่างเราๆ ก็คือการมองหาแหล่งเงินใหม่ๆ เพื่อมาจุนเจือชีวิตประจำวันนั่นเอง ซึ่งนี่ถือเป็นสัญญาณที่อันตรายที่สุดของการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเลย หากใครก้าวมาถึงจุดนี้แล้วล่ะก็ รีบหาตัวช่วยด่วนๆ เลยล่ะ ก่อนที่จะเสี่ยงเป็นหนี้ในระยะยาว 

 
มาถึงจุดนี้แล้ว หลายๆ คนคงเห็น “สัญญาณ” ของตัวเองแล้วใช่ไหมล่ะว่าคุณอยู่ในขั้นไหนของการใช้เงินเกินตัว ถ้าไม่มีสัญญาณเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี และจงรักษามาตรฐานต่อไปนะ ส่วนอีกหลายๆ คนถ้ารู้ปัญหาของตัวเองแล้ว นี่ก็ถึงเวลาที่จะลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยน และแก้ไขให้การใช้เงินของคุณกลับมาอยู่ในจุดที่เหมาะสม เพื่ออนาคตอันสวยงามของตัวคุณเองแล้วล่ะ 

 
บทความ: MULA Learning
รูปประกอบ: MULA Learning

 

 

 

รับมูลาคอยน์เลย

  • แชร์