20
Aprilความรู้การเงินนั้นสำคัญไฉน?
แม้ความรู้ทางการเงินนั้นจะเป็นหนึ่งในศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล แต่ทั้งคนไทย หรือแม้แต่คนทั่วทั้งโลกกลับมีความรู้เรื่องนี้ไม่มากนัก และนี่ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ได้แพร่หลายเป็นวงกว้างมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะจากระบบการศึกษาหรืออะไรก็ตามแต่ ซึ่งทำให้เราพลาดโอกาสอย่างมากในการสร้างสินทรัพย์ที่มีอยู่ในมือให้มันงอกเงย และทำให้ “คนรวย” นั้นกระจุกอยู่แค่กลุ่มเล็กๆ เท่านั้น
โดยสถานการณ์ของบ้านเรานั้นน่าเป็นห่วงกว่าที่อื่นเล็กน้อย เพราะมีผลสำรวจระบุว่าคนไทยเพียง 27% เท่านั้นที่มีความรู้ด้านการเงิน ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 33% แม้ตัวเลขนี้จะมากกว่าคนไทยสักหน่อย แต่หากมองภาพกว้างแล้ว ทั่วทั้งโลกนั้นมีคนรู้เรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่ถึงครึ่งเสียด้วยซ้ำ
แต่เพราะเรารู้ว่าการศึกษาเรื่องการเงินนั้นยากมากเพียงใด เพราะฉะนั้นแล้ว วันนี้เราจึงได้รวบรวม 5 ความรู้ทางการเงินที่สามารถเปลี่ยนชีวิตเพื่อนๆ ได้ เพื่อเป็นใบเบิกทางให้เพื่อนๆ มีพื้นฐาน พร้อมมีแรงใจในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม และเข้าใกล้โอกาสของการมีเงินถุงเงินถังนั่นเอง
เมื่อพร้อมแล้ว ไปดูกันได้เลย!
1. กระแสเงินสดสำคัญที่สุด
ทุกกิจกรรมในโลกทางการเงิน ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับการมีเงินสดคงเหลือ “เป็นบวก” ซึ่งให้อธิบายก็คือ แม้เราจะเป็นพนักงานประจำหาเช้ากินค่ำ ทำงานกินเงินเดือน ก็สามารถมีชีวิตทางการเงินที่ดีได้ เราใช้จ่ายไม่เกินรายได้ที่หามาได้ มีกิน มีใช้ มีเหลือเก็บทุกเดือน
กรณีนี้ก็สามารถนำไปใช้กับองค์กรใหญ่ๆ อย่างเช่น บริษัทห้างร้านต่างๆ ได้เช่นกัน เพราะสุดท้ายแล้วถ้าเรามีเงินเหลือเป็นบวก หรือมีกำไร ธุรกิจก็อยู่ได้ แถมยังมีโอกาสนำเงินเก็บที่เหลือไปต่อยอดสิ่งใหม่ๆ ได้อีกต่างหาก
เพราะฉะนั้นแล้ว ก่อนจะไปคิดเรื่องซับซ้อนอย่างเช่นการลงทุนให้ปวดหัว เราหันมา “ใช้ให้น้อยกว่าที่หาได้” และ “ไม่ขาดทุน” ในแต่ละเดือนกันก่อนดีกว่า ถ้าทำเรื่องนี้ได้แล้วละก็ ชีวิตเพื่อนๆ ก็จะดี๊ดี ขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ
2. การลงทุนไม่ใช่เรื่องง่าย
การลงทุนนั้นไม่ใช่เรื่องของดวง ไม่ใช่เรื่องของโชค หากแต่ผู้คนที่ร่ำรวยจากการลงทุนต่างรู้จักบริหารสินทรัพย์ที่ตัวเองมีได้อย่างดีเยี่ยม หมายความว่าการลงทุนมันไม่ได้ง่ายเหมือนตาเห็นยังไงล่ะ เพราะถ้ามันง่ายเหมือนใครเขาว่า ป่านนี้คนส่วนใหญ่คงรวยจากการลงทุนกันหมดแล้ว เพราะฉะนั้นหากอยากมีเงินก้อนจากการลงทุนแล้วล่ะก็ ต้องทุ่มเทแรงกาย และแรงใจให้กับมันด้วยล่ะ
3. เสี่ยงมาก ไม่ได้แปลว่าผลตอบแทนจะมากตาม
High Risk, High Return หรือเสี่ยงมาก ยิ่งได้มาก เป็นคำพูดที่เราได้ยินจนหนาหูเมื่อจะก้าวเข้าสู่วงการการเงิน และหยุดยั้งเหล่านักลงทุนหน้าใหม่ไม่กล้าลงมือทำอะไร เพราะเชื่อว่าถ้าอยากได้ผลลัพธ์ที่ดี ก็ต้องเสี่ยงกันสักตั้ง
แต่ทว่า แท้ที่จริงแล้วการเสี่ยงโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ มีแต่จะเสีย ไม่มีได้ ฉะนั้นปัจจัยเบื้องหลังก่อนที่จะทำให้ผู้คนในวงการการลงทุนคนกล้าเผชิญหน้ากับความเสี่ยง แท้ที่จริงคือ “ความรู้” ยังไงล่ะ ยิ่งคุณรู้จัก และเข้าใจสิ่งที่คุณทำมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีโอกาสได้ผลกำไรที่ดีมากขึ้นเท่านั้น หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ก็เหมือนคนที่ทำงานมานาน มากประสบการณ์ ก็จะหาเงินจากองค์ความรู้เดียวกันได้ดีกว่ามือใหม่ หรือแม้แต่คนทำขนมที่คอยฝึกปรือฝีมือ หมั่นพัฒนา ปรับสูตรใหม่ๆ ให้ผู้คนชื่นชอบ ก็มีแนวโน้มที่จะหาลูกค้าได้มากขึ้น นั่นแหละครับ อยากลงทุน อยากรวย อย่าลืมหาความรู้ประดับตัวไว้เยอะๆ นะ ทางเลือกและโอกาสของเราก็จะมากตามไปด้วย
4. ต้องกล้าพูด กล้าเจรจา
หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ!? “การเจรจา” นั้นเกี่ยวข้องกับการเงินอย่างไร? แต่แท้ที่จริงแล้วการเจรจานั้นเป็นพื้นฐานของทุกๆ สิ่ง เพราะมนุษย์นั้นเป็นสัตว์สังคมที่ต้องสื่อสารผ่านการพูดคุย โลกนี้จึงเป็นโลกของการเจรจานั่นเอง ซึ่งการเจรานั้นส่งผลอย่างมากต่อการจัดการทางการเงิน ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเราเป็น “หนี้” ก้อนโตกับสถาบันทางการเงิน (หนี้นอกระบบไม่นับนะ เพราะไม่น่าจะเจรจากันรู้เรื่อง) มันก็จะมีกฎกติกาข้อบังคับ เช่น ต้องจ่ายงวดละเท่าไหร่ ดอกเบี้ยแค่ไหน แต่เมื่อเราจ่ายไม่ไหวขึ้นมาล่ะ? หลายคนก็มักจะหนีใช่ไหมล่ะ แต่แท้ที่จริงแล้วนี่เองที่เป็นเวลาที่พลังของการเจรจาจะทำงาน เพราะเราสามารถใช้การสอบถาม ตามหา หรือร้องขอ ในการประนอมหนี้ได้ด้วย เห็นไหม แค่พูดมากขึ้น ทางเลือกของเราก็มากตาม และนั่นก็ลดข้อจำกัดในการลงทุนไปได้เยอะเลยทีเดียว
หรือแม้แต่เรื่องง่ายๆ อย่างเช่น การฝากเงิน หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่ามีคนที่ฝากเงินจำนวนเท่าๆ กัน ฝากธนาคารเดียวกัน สาขาเดียวกัน แต่ได้ดอกเบี้ยไม่เท่ากันด้วยซ้ำ เพราะคนหนึ่งเลือกที่จะพูดคุย และร้องขอสิทธิพิเศษต่างๆ ยังไงล่ะ
ชีวิตเราเลือกได้เสมอ เพราะฉะนั้นลองหันมาใช้วาทศิลป์ให้เป็นประโยชน์กันเถอะ!
5. ความรู้ทางการเงินขั้นสูงสุด คือ การรู้จัก และเข้าใจตัวเอง
การลงทุนที่ดีนั้นไม่ใช่การไป “ลอกเลียน” หรือเดินหมากตามกูรูเก่งๆ นี่ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่ผู้รอบรู้ทั้งหลายสอนนั้นไม่ใช่เรื่องดีแต่อย่างใด หากแต่ทั้งจากจำนวนเงิน และความสามารถในการรับ “ความเสี่ยง” ของคนเรานั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะฉะนั้นนี่คือสาเหตุที่การรู้จักตัวเองเป็นหัวใจสำคัญของความรู้ทางการเงิน เราจะได้ไม่เจ็บตัวมากเกินไปหากรับความเสี่ยงไม่ไหวในการลงทุนความเสี่ยงสูง เช่น หุ้น และหันมาลงทุนอะไรง่ายๆ อย่างเช่น การฝากประจำ หรือการซื้อทองเก็บไว้ยาวๆ ดีกว่า
เพื่อนๆ ทุกคนก็สามารถเริ่มต้นทำความรู้จักและเข้าใจตัวเองได้ง่ายๆ ด้วยการเลิกฟังคำพูดและความเห็นของคนอื่นที่มีต่อรูปแบบชีวิตของเรา แล้วหันมาฟัง “เสียงหัวใจตัวเอง” อย่างจริงจัง การลงทุนอะไรที่เรามองว่าดี มองว่าทำเหมาะกับเรา ทุ่มเงินแล้วไม่เครียด แถมไม่ได้ไปกระทบหรือเดือดร้อนใคร ก็ลงมือทำตั้งแต่วันนี้ได้เลย ท้ายที่สุดแม้ผลของมันจะเป็นอย่างไร เราเองก็คงไม่เสียใจเพราะเราได้เลือกแนวทางนั้นๆ ด้วยตัวเอง ดีกว่าเจ็บเพราะคนอื่นชี้นำเป็นไหน ๆ เลยแหละขอบอก
มาถึงตรงนี้แล้ว เพื่อนๆ ก็คงเริ่มเข้าใจความจำเป็นและความสำคัญของการมีความรู้ทางการเงินกันแล้วใช่ไหมล่ะ? อย่าลืมนะว่าสิ่งที่เรานำเสนอในวันนี้นั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโลกทางการเงินอันแสนกว้างใหญ่ เพราะฉะนั้นถ้าอยากแข็งแกร่ง และทำให้สินทรัพย์นั้นงอกเงยได้อย่างที่ไม่เคยเป็น หลังจากอ่านบทความนี้จบไปแล้วก็ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมด้วยนะ
https://learn.mula-x.co/course/view.php?id=8#section-0
บทความ: MULA Learning
รูปประกอบ: MULA Learning
